7775118

ช่างติดหลังคาไวนิลเสรีไทย  โทร 099-2371848 

หมวดหมู่สินค้า: rtd91 หลังคาเหล็ก

29 เมษายน 2565

ผู้ชม 144 ผู้ชม

 

ต่อเติมหลังคาหน้าบ้านเสรีไทย ต่อเติมโครงหลังคาเมทัลชีท ต่อเติมบ้าน รับงานหลังคาโรงรถ ต่อเติมระเบียง ห้องนอน ห้องครัว ผลงานของเรา
ช่างติดตั้งกันสาดเสรีไทย  
ช่างติดหลังคาไวนิลเสรีไทย  
ผ้าใบกันแดดเสรีไทย  
ช่างรางน้ำฝนใกล้ฉันเสรีไทย  
หลังคากันสาดเสรีไทย  
ติดตั้งปล่องดูดควันเสรีไทย  
ช่างติดกันสาดเมทัลชีทเสรีไทย  
ช่างทำหลังคาโรงรถเสรีไทย  
ต่อเติมหลังคาเมทัลชีทเสรีไทย  

    ติดต่อสอบถาม     




รับติดตั้งหลังคาเมทัลชีท (Metal Sheet) จำหน่ายแผ่นเมทัลชีท และทำโครงหลังคาเมทัลชีท คุณภาพดี ราคาถูก รับทำโครงหลังคา เมทัลชีท โพลีคาร์บอเนต ไวนิล ดีไลท์ ไม้พื้น ไม้ระแนง ประตูเหล็ก ปรึกษาฟรี ประเมินหน้างานฟรี 
รับมุงหลังคาเมทัลชีทราคาเสรีไทย  
รับติดตั้งหลังคาเมทัลชีทเสรีไทย  
ช่างหลังคาเมทัลชีทเสรีไทย  
ติดตั้งหลังคาเมทัลชีทเสรีไทย  
ติดตั้งหลังคาเมทัลชีทใกล้ฉันเสรีไทย  
ช่างทําหลังคาเสรีไทย  
โครงหลังคาเหล็กเสรีไทย  

รับจ้างทาสี งานโรยตัวอาคารสูง - ตามสถานที่ต่างๆ ดูงาน ราคาถูกที่สุด งานเสร็จรวดเร็ว เก็บงานเรียบร้อย มีบริการหลังงานเสร็จ โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ งานทาสีบ้าน อาคาร โรงงาน ฯลฯ งานโรยตัวเช็ดทำความสะอาดกระจก ซ่อมรอยแตกร้าวผนังอาคาร
ทาสีโรยตัวราคาเสรีไทย  
งานทาสีแบบโรยตัวเสรีไทย  
หาช่างโรยตัวเสรีไทย  
โรยตัวซ่อมรอยร้าวเสรีไทย  
ช่างโรยตัวซ่อมรอยรั่วเสรีไทย  
ช่างทาสีที่สูงเสรีไทย  
ช่างโรยตัวเช็ดกระจกเสรีไทย  
หาช่างโรยตัวเสรีไทย  

 
วัสดุมุงหลังคาในอดีต และ วิวัฒนาการของบ้านแต่ละยุคสมัยในเมืองไทยตั้งแต่อดีต
 
วัสดุมุงหลังคาในศตวรรษที่ 19-20 นานนับร้อยนับพันปีก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม วัสดุมุงหลังคา เทคนิคการมุง และวีการติดตั้งหลังคา ยังคงรูปแบบเดิม ไม่มีการพัฒนาใด ๆ จนกระทั่งเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ส่งผลให้วัสดุมุงหลังคาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่าง ต่อเนื่องและมีวิวัฒนาการที่น่าสนใจ
 
- วัสดุมุงหลังคาในอดีต
 
หินธรรมชาติ (natural stone) มนุษย์รู้จักนำหินสกัดจากธรรมชาติมามุงหลังคาตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันในช่วงศตวรรษที่ 11 ชาวฝรั่งเศสได้นำหินแกรนิต หินทราย หินปูน ซึ่งเป็นวัสดุท้องถิ่นมามุงหลังคากันอย่างแพร่หลาย ประเทศในแถบยุโรป ทั้งเยอรมนี อังกฤษ ออสเตรีย ฮังการี และฝรั่งเศส ต่างก็เริ่มนำหินชนวนมาใช้เป็นวัสดุมุงหลังคาเช่นเดียวกับกระเบื้องดินเผา และยิ่งแพร่หลายมากขึ้นเมื่อมีการประกาศใช้กฎหมายอาคารเรื่องการห้ามใช้วัสดุมุงหลังคาที่ติดไฟง่าย ดังนั้นในศตวรรษที่ 19 หินชนวนจึงถูกนำมาเป็นวัสดุมุงแทนที่แผ่นเกล็ดไม้และวัสดุจำพวกหญ้าและแฝก นับได้ว่าเป็นวัสดุมุงหลังคาที่ถาวรคงทน เป็นที่นิยมในยุโรปอย่างต่อเนื่องยาวนานนับศตวรรษ การผลิตหินชนวนเพื่อมุงหลังคาได้รับการพัฒนาสู่ระบบอุตสาหกรรม ด้วยการใช้เครื่องจักร ไอน้ำในเหมืองหินซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ดิน การตัดแต่งหินให้ได้ขนาดก็ใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคน
ปี ค.ศ. 1844 หินชนวนที่ผลิตจากโรงงานจึงมีขนาดมาตรฐาน สามารถขนย้ายจากเหมืองไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ด้วยระบบขนส่งทางบกทั้งทางรถไฟและรถยนต์ที่เจริญขึ้น นอกเหนือจากการขนส่งด้วยเรือซึ่งใช้กันมาแต่เดิม ทำให้การใช้หินชนวนมุงหลังคาแพร่หลายอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยมสูงสุดในปี ค.ศ. 1870 แต่หลังจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1914 – 1918) การใช้หินชนวนก็ได้หยุดชุงักลงอย่างสิ้นเชิงเพราะเหมืองและโรงงานที่ผลิตหินถูกทำลาย กอปรกับบ้าเรือนได้รับความเสียหายอย่างมากจนต้อง หาวัสดุอื่นที่ผลิตได้ง่ายและรวดเร็วมาทดแทน
 
วัสดุมุงหลังคาเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วัสดุที่มาจากธรรมชาติซึ่งต้องการแรงงานการผลิตสูงได้เริ่มหมดไปจากดินแดนในซีกโลกตะวันตก เนื่องตากต้นทุนการผลิตสูงและการก่อสร้างที่ต้องใช้ช่างฝีมือที่หาได้ยาก หลังคามุงด้วยหญ้าฟาง แผ่นเกล็ดไม้ และหินธรรมชาติ จึงสูญหายไปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 และเริ่มใช้วัสดุประดิษฐ์ที่เลียนแบบธรรมชาติซึ่งผลิตได้ครั้งละจำนวนมากจากระบบอุตสาหกรรมมาทดแทน ต้นทุนการผลิตซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยด้าน “นิเวศวิทยา (ecological factor)” ที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตและการช้านของวัสดุเมื่อนำไปก่อสร้าง ดังนั้นเพียงราคาวัสดุอย่างเดียวจึงไม่ใช่คุณสมบัติหลักอีกต่อไป การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นบทบาทใหม่ของวัสดุมุงหลังคานับแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา
วัสดุมุงหลังคา ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศไทยได้มีการติดต่อสัมพันธ์กับประเทศในแถบตะวันตกเป็นผลให้งานสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากประเทศยุโรป  ได้แก่ อังกฤษ  ฝรั่งเศสและเยอรมัน  หลังคาของานสถาปัตยกรรมในช่วงนั้นหลายแห่งมุงด้วยวัสดุที่เป็นโลหะคือทองแดง ดังปรากฏที่พระที่นั่งอนันตสมาคม จากนั้นมาการพัฒนาวัสดุมุงหลังคาจึงมีความเกี่ยวพันกับประเทศในซีกโลกตะวันตกอย่างต่อเนื่อง โลหะที่นำมาใช้เป็นวัสดุมุงที่แพร่หลาย ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้แก่ สังกะสีและเหล็ก
 
- วิวัฒนาการของบ้านแต่ละยุคสมัยในเมืองไทยตั้งแต่อดีต
 
 ยุคบ้านเรือนไทย
แบบบ้านเรือนไทยมีใช้มาตั้งแต่สมัยอยุธยา จนถึง สมัยรัชกาลที่ 3 จะเป็นบ้านที่ทำด้วยไม้ทั้งหลัง ยกสูงมีใต้ถุน มีเสาต้นใหญ่ๆ หลังคาเป็นหน้าจั่วเป็นทรงสามเหลี่ยม กระเบื้องเป็นเกร็ด  
 มีบันไดทอดลงสู่ท่าน้ำเพื่อสะดวกในการใช้น้ำทั้งดื่ม อาบและใช้สอยภายในบ้าน
ปลูกอยู่ในที่เดียวกันแต่มีหลายหลังเชื่อมกัน เช่นของพ่อกับแม่ ของลูกเมื่อโตมีครอบครัวแล้ว
 
ยุคอิทธิพลของชาติตะวันตก
  เริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ชาติตะวันตกเริ่มขยายอิทธิพลมาถึงเอเชีย   ส่งผลต่อลักษณะของบ้านที่อยู่อาศัยอย่างมาก 
บ้านทรงไทยเปลี่ยนรูปจากเดิมไปเป็นทรงไทยสมัยใหม่ผสมแบบฝรั่ง เริ่มมีบ้านก่ออิฐถือปูนชั้นล่างแต่ชั้นบนเป็นไม้ มีระเบียงโปร่งรอบชั้นบนและหลังคาทรงปั้นหยา
 
  ในรัชกาลที่ 5 เรือนหลังคาปั้นหยาเริ่มมีกันหนาตาแทนบ้านทรงไทยโบราณ บ้านไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ชั้นเดียวหรือสองชั้น นิยมสร้างประยุกต์แบบตะวันตกเข้ากับไทย คือสร้างด้วยไม้ ยกพื้นกันน้ำท่วมแต่ใต้ถุนเตี้ยกว่าบ้านไทยเดิม
 
ยุครุ่งโรจน์ของศิลปะแบบชาติตะวันตก
  รัชกาลที่ 6 เป็นยุคบ้านเมืองสงบราบรื่น เศรษฐกิจดี ชาวเมืองนิยมความประณีตงดงาม ประกวดประขันความหรูหราของเรือนแบบตะวันตก
 ได้รับอิทธิพลจากบ้านวิกตอเรียนของอังกฤษ โดยเฉพาะการตกแต่งด้วยลายฉลุที่เรียกว่าขนมปังขิง(gingerbread) และเล่นรูปทรงตัวห้องมุขหกหรือแปดเหลี่ยม
 
ยุคเศรษฐกิจตกต่ำ
  พอมาถึงรัชกาลที่ 7 ที่เผชิญปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง บ้านทรงไทยเริ่มลดความหรูหราเป็นเรียบง่าย ตัดลายฉลุฟุ่มเฟือยออกไป หลังคานิยมจั่วตัด
 
ในรัชกาลที่ 8 รูปทรงบ้านทรงไทยเก๋ไก๋ทันสมัยแบบตะวันตกสมัยศตวรรษที่ 20 เป็นบ้านสองชั้น แม้ว่าใช้ไม้ซึ่งเป็นวัสดุหาง่ายของไทย แต่หลังคาก็เล่นแบบซ้อนกันหลายชั้น มีหน้าต่างบานเกล็ดและกระจกสีเหนือหน้าต่างแบบฝรั่ง
Engine by shopup.com