9442694

ซ่อมคลัชนอกสถานที่เขตพญาไท  โทร 061-1586756

หมวดหมู่สินค้า: rtd62 ซ่อมรถยนต์นอกสถานที่

08 เมษายน 2565

ผู้ชม 106 ผู้ชม



ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่เขตพญาไทเกิดรถยนต์เราเสียกลางทาง ขับไม่ได้ และไม่รู้ว่าอู่ซ่อมรถแถวนั้นอยู่ที่ไหน โทรเรียกเราซิค่ะ เราคือ รถยก รถลากจูง รถสไลด์
อู่ซ่อมรถเขตพญาไท บริการซ่อมรถยนต์นอกสถานที่
ซ่อมไดนาโมนอกสถานที่เขตพญาไท 
ซ่อมคลัชนอกสถานที่เขตพญาไท 
ซ่อมเกียร์นอกสถานที่เขตพญาไท 
ซ่อมเบรคนอกสถานที่เขตพญาไท 
ซ่อมหม้อน้ำนอกสถานที่เขตพญาไท 
สายพานขาดสายพานนอกสถานที่เขตพญาไท 
น๊อตล้อขาดล้อมีปัญหานอกสถานที่เขตพญาไท 
เช็คระบบไฟนอกสถานที่เขตพญาไท 

       ติดต่อบริการ 24 ชม




 
บริการซ่อมรถนอกสถานที่เขตพญาไท 
ช่างซ่อมรถเขตพญาไท รับซ่อมเครื่องยนต์ วางเครื่อง ท่อไอเสีย ช่วงล่างเบรคครัช รับซ่อมเครื่องยนต์ดีเซล ยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์สูง ผ่านการอบรมด้านเทคนิค อะไหล่ การซ่อมบำรุงให้ใช้งานได้มาตรฐานจากผู้ผลิต
 
อู่ซ่อมรถยนต์เขตพญาไท รับซ่อมไฟแบตโชว์ ไดไม่ชาร์จ รถสตาร์ทไม่ติด ไดสตาร์ทเสีย บริการเปลี่ยนถึงที่
 
ทุกๆ อาการ ที่รถยนต์เสีย  รถยนต์สตาร์ทไม่ติด  ไดชาร์จเสีย  ไดสตาร์ทเสีย แบตหมด ต้องการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ บริการซ่อมรถยนต์รวดเร็ว และทันใจท่าน ทันที 


 
ช่างระบบไฟรถยนต์เขตพญาไท 
แบตหมด รถสตาร์ทไม่ติด แบตเสื่อม แบตเสียเก็บไฟไม่อยู่ ขายแบตเตอรี่รถยนต์ 
บริการรับซ่อมไดนาโม ไดชาร์ท ไดสตาร์ท ซ่อมมอเตอร์เสีย ระบบไฟรถยนต์
 
ศูนย์บริการแบตเตอรี่รถยนต์เขตพญาไท 
เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ บริการพ่วงแบต จั๊มแบตเตอรี่รถยนต์ นอกสถานที่ ด้วยเครื่องจั๊มสตาร์ทคุณภาพสูง บริการรวดเร็ว ทุกพื้นที่

 
6 สิ่งที่ควรทำก่อนนำรถเข้าอู่ซ่อม
 
การนำรถเข้าซ่อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับภายนอก ตัวถัง เครื่องยนต์ หรือภายใน ฯลฯ หลายๆ คนมักเป็นกังวลก่อนที่จะนำรถเข้าอู่ เพราะไม่รู้ว่าจะโดนหลอกเรื่องค่าอะไหล่ หรือจะโดนฟันค่าซ่อมเกินจากความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน
 
    ดังนั้นเราจึงขอนำเสนอ สิ่งที่คุณควรทำก่อนนำรถเข้าอู่ซ่อม ซึ่งมีหัวข้ออยู่หลักๆ ดังนี้
 
    1. ตรวจสอบรถของคุณ เช็คให้แน่ใจว่ามันเสียตรงไหน หรือบริเวณใด เพื่อเวลาไปพูดคุยกับช่างจะได้บอกอาการ และจุดที่คาดว่าจะเสียถูกต้อง อีกอย่างคุณจะได้ดูมีความรู้เรื่องรถยนต์อยู่บ้าง
 
    2. เก็บของมีค่าออกจากรถให้หมด เพราะหากมันหายไป ทางอู่อาจไม่รับผิดชอบให้
 
    3. อย่าเติมน้ำมันไปเยอะ เพราะหากกลับมารับรถอีกที บางทีน้ำมันในรถของคุณอาจถูก (บางอู่) ดูดออกไปจนเกือบจะเกลี้ยงถังได้ ให้เติมไปแค่พอประมาณ ให้พอเผื่อช่างนำรถไปเทส ไปลองทดสอบได้
 
4. หาอู่ที่รู้จัก หรือไว้ใจได้ โดยตรวจสอบจากเพื่อนๆ คลับที่ขับรถรุ่นเดียวกัน จากผู้ที่เคยนำรถเข้าไปซ่อม หรือค้นดูข้อมูลอู่จากอินเตอร์เน็ต ฯลฯ หากมีเสียงตอบรับดี มีผู้เชี่ยวชาญที่น่าไว้วางใจ หรือมาตรฐานบริการเป็นเลิศ ก็จัดการนัดซ่อมได้เลย
 
    5. ก่อนจะตกลงทำการซ่อม ให้อู่ประเมินราคาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าอะไหล่ ค่าแรง ฯลฯ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับอู่อื่นๆ รวมไปถึงจะได้เช็กดูค่าอะไหล่ และค่าแรงของแต่ละที่ ว่ามีราคาต่างกันมากน้อยแค่ไหน จะได้ง่ายต่อการตัดสินใจ
 
   6. เก็บอะไหล่เก่าทุกชิ้นกลับบ้านให้หมด หลังจากซ่อมรถเสร็จแล้ว เพื่อคุณจะได้รู้ว่า อะไหล่เก่าที่เสียหาย ถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่แล้วจริงๆ นอกจากนี้อะไหล่เก่าบางชิ้น ยังสามารถนำขายต่อได้อีกด้วย
 
    เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถนำรถเข้าซ่อมที่อู่ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องวิตกกังวล หรือคิดให้มากความ และจะได้ไม่ต้องมีปัญหากับอู่ซ่อมภายหลังอีกด้วย
 
ทุนประกันรถยนต์คืออะไร ทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนทำประกันรถยนต์
 
ทุนประกัน
 
ทุนประกัน คือ ค่าสินไหมที่บริษัทประกันภัยรถจะต้องจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัยในกรณีเกิดความเสียหายต่อรถยนต์ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประเภทประกันภัยรถยนต์ด้วย ซึ่งประกันจะซ่อมให้เฉพาะกรณีความเสียหายจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายบางส่วนที่ยังซ่อมไหว หรือความเสียหายโดยสิ้นเชิงจำเป็นต้องขายซากรถ
 
สรุปง่าย ๆทุนประกัน เป็นวงเงินของค่าสินไหมที่บริษัทฯ ประกันจะดูแลค่าซ่อมหรือค่าความเสียหายให้เราทันทีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่น อุบัติเหตุ รถหาย รถไฟไหม้ และอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของประเภทของประกันภัยว่าคุณเลือกทำประกันภัยชั้น 1 ประกันภัยชั้น 2+ หรือประกันภัยชั้น 3+
 
ประเมินทุนประกันอย่างไร
 
การคำนวณทุนประกันจะเริ่มต้นที่ 80% จากราคากลางตลาด วิเคราะห์ทุนประกันจากยี่ห้อ ปีรุ่นที่ผลิต (อนุโลมเป็นปีจดทะเบียน) รุ่นรถยนต์เป็นหลักไงหละคะ
 
ตัวอย่างการคำนวณทุนประกันแบบกลม ๆ
 
ปีที่ 1 : รถยนต์ป้ายแดง 1,000,000 บาท จะมีทุนประกันเท่าไหร่ ?
 
ทุนประกัน เท่ากับ 1,000,000 x 80% = 800,000 บาท
 
ปีที่ 2 : การประเมินทุนประกันจะเท่ากับ “ทุนประกันปีที่ 1 x 80%”
 
ในที่นี้ทุนประกันปีที่ 1 เป็นที่ตั้ง = 800,000 บาท
 
ทำให้รถยนต์คันนี้จะมีทุนประกันเท่ากับ 800,000 x 80% = 640,000 บาท
 
**ส่วนใหญ่ รถใหม่ป้ายแดงจะได้ทุนประกัน 80-85% ส่วนรถเก่ามือสองจะต้องตีมูลค่าตามราคากลาง โดยมูลค่ารถจะลดลงเรื่อย ๆ ตามอายุการใช้งานนะจ้ะ
 
พูดภาษาง่าย ๆ โดยทั่วไปแล้ว บริษัทฯ ประกันภัยรถยนต์จะประเมินทุนประกันภัยจากราคากลางที่ซื้อขายในตลาดเป็นหลัก ขณะที่รถป้ายแดงจะคิดจากราคาซื้อเป็นหลัก เราสามารถดูราคาประเมินรถยนต์ ฉบับอัปเดทล่าสุดปี 2019 ได้ที่เว็บไซต์กรมขนส่งทางบกโดยระบุไว้ค่อนข้างละเอียด อย่างไรก็ดี มูลค่ารถยนต์ของเราจะลดลงเรื่อย ๆ ปีละ 10% หรือตามราคากลางรถยนต์ในปีนั้น ๆ ครับ ทั้งนี้ ประวัติการเคลมประกันไม่มีผลต่อมูลค่ารถยนต์นะ
 
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้อาจจะเกิดคำถามว่า “งี้เราเลือกทุนประกันภัยต่ำจะได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าไหมเนี่ยะ?”
 
ทุนแพงต้องจ่ายเบี้ยแพงใช่ไหม ?
 
เยส !! เข้าใจถูกแล้วจ้า ทุนแพงต้องจ่ายเบี้ยประกันรถยนต์แพงในส่วนทุนประกันมีผลยังไงกับประกันรถยนต์ ทุนมากทุนน้อยคิดต่างกันอย่างไร
 
1. ทุนประกันสูง ยิ่งคุ้มครองมาก เบี้ยประกันยิ่งแพง
การเลือกทุนประกันสูง หากเกิดเหตุจำเป็นต้องเคลม เราแทบไม่ต้องจ่ายอะไรเวลาซ่อม โดยส่วนใหญ่รถใหม่ป้ายแดงจะเลือกจ่ายทุนประกันแพง ๆ ไว้ก่อน โดยเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่เบี้ยก็จะแพงเช่นกัน แปรผันตรงกันทุกประการครับ หากอยากได้ความคุ้มครองสูงสุด สามารถเลือกทุนประกันสูง ๆ ได้
 
เหมาะสำหรับ : รถใหม่ป้ายแดง ผู้ที่มีประสบการณ์น้อย หรือเจ้าของรถที่ไม่กังวลเรื่องเบี้ยประกันภัย และต้องการความคุ้มครองสูงสุดเพื่อรถยนต์สุดที่รัก
 
2. ทุนประกันน้อย คุ้มครองน้อย เบี้ยประกันประหยัด
 
ส่วนการเลือกทุนประกันน้อย ความคุ้มครองก็จะเป็นไปตามทุนครับ เมื่อเกิดเหตุเราอาจจะจ่ายต้องควักกระเป๋าจ่ายเองเวลาซ่อมรถ ดังนั้น เลือกตามความเหมาะสมของงบประมาณและความสามารถในการขับขี่เป็นหลักจะดีที่สุด
 
เหมาะสำหรับ : คนขับที่มีงบประมาณไม่มาก ไม่ค่อยได้ขับรถไปไหน ส่วนใหญ่จอดไว้ที่บ้าน เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ขับขี่สูง
 
อย่างไรก็ดี ผู้ทำประกันภัยรถยนต์นั้นสามารถเลือกเองได้ครับ ตามความต้องการของคุณ แต่ไม่แนะนำให้ทำประกันรถยนต์ด้วยทุนประกันที่สูงกว่ามูลค่าจริง (Over Insured) เนื่องจากบริษัทฯ มักจะชดเชยค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายจริง เอาเป็นว่า ค่อย ๆ คิดพิจารณาสิ่งที่ใช่คุณ หรือถ้าไม่อยากเหนื่อยมองหาประกันภัยรถยนต์ให้TPIS โบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ดูแลคุณได้ครับ รับรองว่า การค้นหาเบี้ยประกันที่ใช่คุณจะรวดเร็วที่สุด ไม่เสียเวลาอย่างแน่นอน
Engine by shopup.com