ระบบการฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ
ถ้าคุณชอบที่จะใช้เวลาในวันหยุด หรือในช่วงเวลาว่างออกกำลังกายโดยการว่ายน้ำ ในสระว่ายน้ำสีฟ้าสวยๆ ที่มีน้ำที่ดูใสสะอาด น่าเล่น แล้วล่ะก็....... คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่า สระว่ายน้ำสีฟ้าที่ดูใสสะอาดเหล่านั้นมีการบำบัดและการฆ่าเชื้อโรคน้ำในสระว่ายน้ำ อย่างไร ? ดิฉันได้เกิดข้อสงสัยดังกล่าวจึงได้หาข้อมูล และเรียบเรียงมาฝากผู้ที่สนใจและเกิดข้อสงสัย คล้าย ๆ กัน โดยสรุปได้ดังนี้...ระบบการฆ่าเชื้อโรคน้ำในสระว่ายน้ำ ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน มี 3 ระบบ ได้แก่
1. ระบบคลอรีน เป็นระบบฆ่าเชื้อโรคที่มีราคาถูก และนิยมใช้กันมากที่สุด คลอรีนที่ใช้อยู่ในรูปของเหลว เม็ด และผงคลอรีน โดยคลอรีนจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้เมื่อน้ำมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) อยู่ระหว่าง 7.2 - 7.8 หากค่า pH สูงเกินไป (เป็นด่างมาก) จะต้องเติมกรดเกลือ (HCl : Hydrochloric acid) ลงไปปรับสภาพน้ำก่อน และถ้าน้ำในสระมีค่า pH ต่ำ (มีความเป็นกรดสูง) จะต้องเติมสารที่เป็นด่างจำพวก Buffer หรือ Soda ash (Na2CO3 : Sodium Carbonate)เพื่อปรับค่า pH ในน้ำก่อน
เนื่องจากสารคลอรีนอาจมีผลทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวหนัง ดังนั้นการละลายคลอรีนจึงควรทำในช่วงเย็นหลังจากที่ใช้สระเสร็จแล้ว และต้องเปิดเครื่องกรองทิ้งไว้อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง
การปรับค่าคลอรีนในสระว่ายน้ำที่ให้บริการ ให้ทำทุกวัน โดยมีค่าปริมาณคลอรีนอยู่ที่ 3 ppm ในฤดูร้อน เพราะอากาศร้อนคลอรีนจะสลายตัวเร็ว และ2 ppm ในฤดูฝน และฤดูหนาว
ซุปเปอร์คลอรีน คือ การเติมคลอรีน 2-3 เท่าจากปกติ คือ ปรับค่าคลอรีนให้อยู่ที่ 4 ppm โดยจะทำหลังจากวันที่มีคนลงเล่นน้ำจำนวนมาก หรือมีตะไคร่ในสระ หรือเพื่อทำลายแอมโมเนียและสิ่งเจือปนที่ได้สะสมไว้ในน้ำ การทำซุปเปอร์คลอรีน สามารถทำได้ สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง
2. ระบบน้ำเกลือ เป็นระบบควบคุมความสะอาดของน้ำด้วยระบบเกลือ โดยใช้เครื่องผลิตคลอรีนอัตโนมัติจากเกลือ (Salt Water Chlorinator) ระบบนี้จะใช้เกลือธรรมชาติ (NaCl : Sodium Chloride) ในการฆ่าเชื้อโรคแทนคลอรีน โดยอาศัยวิธีทางไฟฟ้า ที่เรียกว่า Electrolysis เกิดเป็นโซเดียมไฮโปคลอไรท์(NaOCl : Sodium Hypochlorite) และเกลือ NaCl กลับคืนมา
น้ำเกลือเมื่อใช้ฆ่าเชื้อโรคแล้วจะไม่สูญหายไปไหน จะเติมก็ต่อเมื่อมีการทำ Back Wash คือ ล้างเครื่องกรอง หรือฝนตกจนน้ำล้นออกจากสระว่ายน้ำ ดังนั้นการเติมเกลือจะเติมประมาณปีละ 2-3 ครั้ง และน้ำเกลือจะมีความเข้มข้นเพียง 0.3% เท่านั้นเอง (ประมาณครึ่งหนึ่งของน้ำตาคนเรา)
ข้อดีของระบบนี้ คือ ประหยัดค่าสารเคมี เนื่องจากราคาเกลือมีราคาถูกกว่าคลอรีน ประหยัดค่าแรงงานในการดูแลรักษา เนื่องจากไม่ต้องเติมเกลือบ่อยเหมือนคลอรีน การใช้งานง่าย สะดวก เพราะเป็นระบบอัตโนมัติ และติดตั้งอุปกรณ์ง่าย สามารถใช้กับสระว่ายน้ำที่มีอยู่แล้วได้
ข้อจำกัด คือ ราคาค่าอุปกรณ์มีราคาสูง น้ำมีรสชาติกร่อย และอาจต้องถ่ายน้ำทิ้งบ่อยถ้ามีความเข้มข้นของเกลือสูง
ปริมาณเกลือที่ใช้ในการเดินระบบในครั้งแรกนั้นจะใช้เกลือประมาณ 3 กิโลกรัม ต่อน้ำ 1 ลบ.ม.ผู้ดูแลสระจะวัดค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำเกลือ และเติมเกลือ หรือกรดอย่างอ่อน เพื่อให้น้ำในสระมีค่า pH เป็นกลาง
๓. ระบบโอโซน เป็นระบบที่นำเอาก๊าซ โอโซน ซึ่งผลิตจากเครื่องอัดอากาศ มาบำบัดน้ำในสระ มีประสิทธิภาพสูง สามารถฆ่าเชื้อโรคในระยะเวลาอันสั้นกว่าระบบอื่นและไม่มีสารเคมีทุกชนิดตกค้างในน้ำ
ระบบโอโซนเป็นระบบฆ่าเชื้อโรคที่มีศักยภาพสูงมาก เมื่อน้ำที่ผ่านโอโซนได้ผ่านการฆ่าเชื้อโรคเรียบร้อยแล้ว น้ำที่สะอาดจะลงสู่สระว่ายน้ำ
ระบบนี้มีข้อเสียคือ ขณะที่น้ำอยู่ในสระจะไม่มีการฆ่าเชื้อโรค จนกว่าน้ำจะกลับมาผ่านโอโซนอีกครั้ง ดังนั้น เมื่อมีเชื้อโรคจากมนุษย์ หรือจากแหล่งต่างๆ ลงสู่สระว่ายน้ำในห้วงเวลาที่ยังไม่ได้ผ่านโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรคครั้งใหม่ ( ประมาณ 3-6 ชั่วโมง) เชื้อนั้นจะยังคงปะปนอยู่ในสระว่ายน้ำ ทำให้เกิดโรคติดต่อแก่ผู้
เล่นน้ำในสระเดียวกันได้ ต่อเมื่อน้ำในสระได้กลับมาผ่านเครื่องฉีดโอโซนอีกครั้ง เชื้อโรคจึงจะถูกทำลาย ดังนั้น ในบางประเทศจึงมีกฎหมายสำหรับสระว่ายน้ำสาธารณะ ห้ามใช้ระบบโอโซนอย่างเดียว ต้องใช้ควบคู่กับระบบอื่น ( เช่น ใช้คลอรีน หรือน้ำเกลือ ) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ
จากการเปรียบเทียบ ระบบสระว่ายน้ำ ทั้ง 3 ระบบ ระบบบำบัดน้ำสระว่ายน้ำที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้ คือ ระบบน้ำเกลือ โดยประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศที่มีสระว่ายน้ำมากที่สุดในโลก ใช้ระบบเกลือมากกว่า 90 % ของสระว่ายน้ำทั้งหมด
ข้อดีของสระว่ายน้ำระบบเกลือ
1. ไม่ทำให้ระคายเคืองต่อผิวหนังของคนเรา และไม่มีกลิ่นสารเคมีติดตามตัวหลังว่ายน้ำ
2. ดีต่อสุขภาพไม่ทำให้แสบตา หรือตาแดง สามารถว่ายน้ำได้ตลอดเวลา
3. ไม่ทำให้ผมแห้งแข็งกระด้าง
4. ช่วยให้คุณประหยัดเวลารวมถึงค่าใช้จ่ายเพราะไม่ต้องเติมบ่อยเหมือนคลอรีน
5. เป็นการฆ่าเชื้อโรค ทำให้น้ำใสสะอาด เกลือหรือน้ำเกลือที่ใช้ล้างจะไม่สูญหายไปไหน
6. เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ และใช้เวลาว่ายน้ำได้นาน และยังทำให้ผิวชุ่มชื่น
7. สะดวกง่ายต่อการจัดเก็บและขนย้ายมีความปลอดภัย
8. การทำความสะอาดล้างสระว่ายน้ำ ไม่มีสิ่งปนเปื้อนตกค้างในสระว่ายน้ำ เพียงแค่เทเกลือละลายในน้ำในปริมาณที่เหมาะ และใช้เครื่องมือวัดความเป็นด่าง ช่วยให้ประหยัดเวลาเพราะว่าคุณสมบัติของเกลือมีความบริสุทธิ์สามารถฆ่าเชื้อโรคและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม