9256924

ช่างรีโนเวทบ้านอำเภอปากพลี โทร 093-1418898

หมวดหมู่สินค้า: rtd33 รีโนเวทบ้าน

27 มีนาคม 2565

ผู้ชม 81 ผู้ชม



รีโนเวทบ้านเก่าให้เหมือนใหม่ - ช่างก่อสร้างรับผิดชอบงาน
รับแก้ไข ต่อเติมบ้านเก่า ให้สวยเหมือนใหม่ ตามหลักฮวงจุ้ย ตามงบประมาณลูกค้า
หาช่างรีโนเวทบ้านอำเภอปากพลี
ช่างรีโนเวทบ้านอำเภอปากพลี
ช่างรีโนเวทบ้านไม้อำเภอปากพลี
ออกแบบต่อเติมบ้านอำเภอปากพลี
บริษัทต่อเติมบ้านอำเภอปากพลี
รับซ่อมบ้านเก่าอำเภอปากพลี

     ติดต่อสอบถาม




บริการของเรา
1 บริการช่างรีโนเวทบ้านเก่าให้น่าอยู่ ไอเดียรีโนเวทบ้านอำเภอปากพลีงบน้อย รีโนเวทบ้านเก่าให้น่าอยู่  
2 รับเหมาก่อสร้างอำเภอปากพลีตกแต่งภายใน ออกแบบ รีโนเวทบ้าน Built-In บ้าน     
รีโนเวทบ้านอำเภอปากพลีต่อเติม ปรับปรุงบ้าน ตกแต่งภายในบ้าน อพาร์ทเม้นท์ คอนโด Office
4 ตกแต่งภายในอำเภอปากพลีบริการต่อเติมบ้าน หอพัก คอนโด ร้านอาหาร ออกแบบ รีโนเวทบ้าน  
5 อำเภอปากพลีรีโนเวททาวน์เฮ้าส์ เปลี่ยนโฉมทาวน์เฮาส์เน่าๆ บ้านเก่าให้เป็นบ้านลอฟท์ เรื่อง รีโนเวทบ้านเก่าๆ ให้กลายเป็นบ้านในฝัน รับรองจะต้องอิจฉา ผลงานการรีโนเวทบ้าน


 
บ้านหลังเก่าที่เราอยู่อาศัยมาหลายสิบปี ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ทั้งสภาพบ้านที่ทรุดโทรมลง ประกอบกับความต้องการพื้นที่ใช้สอยที่เปลี่ยนไป หรือแม้แต่บ้านมือสองในเมืองที่หลายคนเลือกอยู่อาศัยแทนการซื้อบ้านหลังใหม่ตามชานเมือง ซึ่งแน่นอนว่าต้องทำการรีโนเวทบ้านหลังเก่าที่ว่าให้ตรงกับความต้องการใหม่ของเรา ทั้งนี้เจ้าของบ้านสามารถอาศัยแนวทางการรีโนเวทบ้าน 6 ขั้นตอนต่อไปนี้ในการเตรียมตัวก่อนลงมือ  ผลงานการรีโนเวทบ้าน
 

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำก่อนรีโนเวตอาคาร
 
ปัจจุบันเกิดกระแสการพัฒนาย่านเมืองเก่าให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เราจึงพบเห็นการ รีโนเวต อาคารหรือบ้านเก่าได้บ่อยครั้ง และน่าจะเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ  รีโนเวต
ซึ่งอาจเป็นเพราะหลายคนคิดว่าการ รีโนเวต คุ้มค่ากว่าการสร้างใหม่ หรือต้องการอนุรักษ์อาคารเดิมไว้  เเละมีความจำเป็นต้องปรับการใช้งานอาคาร รวมถึงการเลือกอาคารในย่านเก่ามาสร้างเป็นแหล่งธุรกิจ ซึ่งมีทั้งการต่อเติมเพียงบางส่วนและรีโนเวตใหม่ทั้งหลัง
 
ด้วยเหตุนี้ บ้านและสวน จึงนำ 10 สิ่งควรทำ และไม่ควรทำ สำหรับใช้เป็นข้อควรพิจารณาก่อนการรีโนเวตมาฝาก ดังนี้
 
1.Do:ตั้งโจทย์ให้ชัด
สิ่งสำคัญอย่างแรกในการรีโนเวตคือการตั้งโจทย์ หากมองในภาพรวมแล้วการรีโนเวตหมายถึงการคืนสภาพ ปรับปรุง หรือต่อเติมอาคารให้เหมาะสมตามความต้องการของเรา โจทย์สำคัญจึงอยู่ที่การวางเป้าหมายในการรีโนเวตให้ชัดเจน หลายท่านเข้าใจว่าการรีโนเวตใช้งบประมาณน้อยกว่าการสร้างใหม่ โดยหารู้ไม่ว่าในความเป็นจริงแล้วบ้านที่สร้างใหม่กับบ้านที่รีโนเวตนั้นใช้งบประมาณใกล้เคียงกันเลยทีเดียว เพียงแต่บ้านรีโนเวตจะได้เปรียบเรื่องทำเลและสภาพแวดล้อมเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว ทำให้คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่โดยรอบได้ง่าย อีกทั้งบางอาคารยังมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม เหมาะนำกลับมารีโนเวตใหม่ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
สำหรับการตั้งโจทย์ เราอาจกำหนดไว้คร่าว ๆ เช่น ต้องการรีโนเวตเพื่อใช้งานแบบประหยัด ต้องการปรับปรุงเพื่อการพาณิชย์ หรือต้องการปรับการใช้งานเพื่อรองรับสมาชิกในบ้านที่เพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้ทิศทางของการออกแบบมีความชัดเจน อันส่งผลไปยังงบประมาณและขั้นตอนการทำงานด้วย
 
2.Don’t  : ทำเองทุกอย่าง
บางท่านอาจคิดว่างานง่าย ๆ บางอย่าง เช่น การเลือกซื้อวัสดุ หรือการทาสีผนัง สามารถจัดการได้เองและต้องการประหยัดงบประมาณ แต่ช้าก่อน! หากลองพิจารณาดูให้ดีแล้ว งบประมาณค่าแรงที่ประหยัดได้อาจไม่คุ้มสักเท่าไหร่ เช่น การซื้อวัสดุเองที่หากคำนวณพลาดก็ต้องเสียเงินและเสียเวลาไปซื้อเพิ่ม หรือซื้อมาเผื่อมากเกินจำเป็นส่วนงานทาสีที่อาจดูไม่ยากในตอนแรก แต่ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยมากกว่านั้น การเตรียมพื้นผิวที่ไม่ดีอาจทำให้สีลอกล่อนเร็วกว่าเวลาอันควร การเลือกใช้ช่างมืออาชีพและปรึกษาผู้ชำนาญการจึงเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสุดท้ายแล้วการรีโนเวตบ้านหรืออาคารนั้นยังอาจมีปัญหาให้ต้องแก้ไขตามมาอีกมากมาย หากไม่ได้อยู่ในการดูเเลของช่างที่มีฝีมือคุณภาพดีพอ อาจทำให้เราหงุดหงิดเเละเสียเงินซ้ำซ้อนไปมาโดยใช่เหตุ
 
3.Don’t  : เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เช่น ตัดคาน ทุบผนังรับน้ำหนัก รื้อพื้น ไม่ควรตัดสินใจเอง เพราะระบบโครงสร้างของบ้านมีอยู่หลายประเภท ที่สำคัญโครงสร้างเหล่านี้มักมีการรับแรงสัมพันธ์กันเป็นระบบ การรื้อโครงสร้างเพียงบางส่วนจึงอาจส่งผลกระทบไปถึงโครงสร้างอาคารทั้งหลังได้ โดยเฉพาะอาคารเก่าที่ไม่มีแบบก่อสร้างยิ่งควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการรีโนเวต
อีกทั้งอาคารเก่ามักมีปัญหาซ่อนเร้นอยู่ในระบบโครงสร้าง เช่น  เหล็กเส้นในโครงสร้างปูนที่ได้รับความชื้นมักเกิดสนิม หรือคานเสาที่มีปัญหาปริแตก ซึ่งอาจซ่อนอยู่ในพื้นที่ที่มองไม่เห็นอย่างในฝ้าเพดาน จึงควรตรวจสอบสภาพและแก้ไขให้แข็งแรงเสียก่อน โดยมีข้อควรระวังในการรีโนเวตและต่อเติมบ้าน ดังนี้
 
- ไม่ฝากโครงสร้างส่วนต่อเติมไว้กับโครงสร้างเดิม เพราะโครงสร้างใหม่อาจดึงรั้งจนทำให้โครงสร้างเดิมเสียหายได้
- ห้ามทุบ หรือเจาะ ผนังหล่อสำเร็จรูป เเละผนังรับน้ำหนัก เพราะผนังเหล่านี้ทำหน้าที่แทนเสารับน้ำหนัก หากเกิดความเสียหายอาจส่งผลต่อโครงสร้างของอาคารได้
- ระวังการเพิ่มน้ำหนักให้อาคาร เช่น การทำสวน และบ่อน้ำบนดาดฟ้าที่ไม่ได้เตรียมโครงสร้างไว้ หรือการเปลี่ยนฟังก์ชันอาคารใหม่จากที่พักอาศัยมาเป็นสำนักงาน เพราะที่พักอาศัยจะออกแบบให้รับน้ำหนักบรรทุกจริงได้อย่างน้อย 150 กิโลกรัม / ตารางเมตร แต่สำนักงานต้องรับน้ำหนักบรรทุกจริงอย่างน้อย 250 กิโลกรัม / ตารางเมตร
 
4.Do : วางแผนให้รัดกุม
สิ่งท้าทายในการรีโนเวตอาคารเก่าคือ เมื่อทุบรื้อผนังและโครงสร้างเดิม เราไม่รู้ว่าจะพบอะไรที่เป็นอุปสรรคกับการก่อสร้าง จึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างสถาปนิก มัณฑนากร หรือวิศวกร เพื่อวางแผนการทำงานอย่างรัดกุม พร้อมทั้งคิดแผนสำรองเผื่อไว้หากพบสิ่งที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจต้องมีการปรับแบบก่อสร้าง และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าบ่อยครั้ง โดยเบื้องต้นควรวางแผนการทำงาน ดังนี้
 
- สรุปความต้องการให้ชัดเจน
- จ้างนักออกแบบ เพื่อทำแบบก่อสร้างและให้คำแนะนำในทุกเรื่อง ทั้งกฎหมาย ขั้นตอน และการแก้ปัญหา
- ยื่นขออนุญาต
- จัดจ้างผู้รับเหมา
- ทำแผนงานก่อสร้าง เพื่อกำหนดระยะเวลาการทำงานแต่ละขั้นตอนซึ่งจะสัมพันธ์กับการเบิกเงินในแต่ละงวดของผู้รับเหมา
- เตรียมพื้นที่ ทั้งการย้ายและเก็บของ หากเจ้าของยังอาศัยอยู่ขณะที่ก่อสร้าง จำเป็นต้องวางแผนให้ก่อสร้างเป็นส่วน ๆ
- บอกกล่าวเพื่อนบ้านข้างเคียง เพื่อลดความเสียหายและความขัดแย้ง
 
5.Do : ศึกษากฎหมายให้ดีก่อน
การต่อเติมและการรีโนเวต ถือเป็นการดัดแปลงอาคาร ซึ่งพอจะสรุปความตามกฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ.2528) ว่าด้วยเรื่องการดัดแปลงอาคารได้ว่าการดัดแปลงอาคารต่อไปนี้ต้องยื่นขออนุญาตก่อสร้าง
 
- การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคารที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กหรือโครงสร้างเหล็ก
- การต่อเติมที่เป็นการเพิ่มน้ำหนักแก่โครงสร้างเดิมเกิน 10 เปอร์เซ็นต์
- การต่อเติมหรือลดพื้นที่ชั้นใดชั้นหนึ่งเกิน 5 ตารางเมตร โดยมีการเพิ่มเสาและคาน
- การต่อเติมหรือลดพื้นที่หลังคาเกิน 5 ตารางเมตร โดยมีการเพิ่มเสาคานและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อรีโนเวตบ้านหรืออาคารแล้วจะต้องยึดตามข้อกฎหมายปัจจุบันเป็นสำคัญ จึงมักมีข้อจำกัดมากขึ้น เช่น ตำแหน่งทางเข้าบ้านที่อาจต้องห่างจากถนนหลักมากขึ้น หรือระยะร่นที่เปลี่ยนไป
 
6.Don’t  : ละเลยงานระบบ
งานระบบไฟฟ้า สุขาภิบาล และอื่น ๆ เป็นเสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงการใช้งานของอาคารทั้งหลังเลยทีเดียว โดยอาคารเก่ามักจะมาพร้อมกับระบบที่ทรุดโทรมและไม่สมบูรณ์ มากกว่านั้นยังมีปัญหาซ่อนเร้นที่รอการแก้ไขอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของระบบท่อต่าง ๆ หรือสายไฟที่เสื่อมสภาพ ดังนั้นหากอาคารมีอายุเกิน 10 ปี ควรตรวจสอบอุปกรณ์สายไฟและท่อว่าอยู่ในสภาพที่ดีไหม หากอาคารมีอายุเกิน 15 ปี ควรพิจารณาเปลี่ยนงานระบบใหม่ทั้งหมดก็จะคุ้มค่ากว่าการต้องทุบรื้อพื้นและผนังเพื่อซ่อมแซมภายหลัง
 
7.Do : เรียนรู้ข้อจำกัด
ข้อจำกัดของอาคารจะเป็นสิ่งกำหนดการออกแบบและขั้นตอนการทำงาน เช่น การรีโนเวตคอนโดมิเนียม มักมีข้อจำกัดเรื่องเวลาทำงาน ทำให้เกิดเสียงดัง และการขนของขึ้นลิฟต์มีผลให้การทำงานล่าช้าลง หรือหากเป็นอาคารเก่า เมื่อตรวจสอบสภาพโครงสร้างแล้ว อาจไม่สามารถรับน้ำหนักวัสดุที่ต้องการได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ต้องเสียเวลาและงบประมาณเพื่อแก้ปัญหา จึงควรทำความเข้าใจข้อจำกัดของโครงการก่อนเริ่มออกแบบ
 
8.Don’t  : ฝืนเก็บโครงสร้างเดิมไว้
หากสภาพโครงสร้างเดิมเสียหายมาก หรือเป็นอุปสรรคต่อการรีโนเวต การทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่จึงอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดแล้ว ยังทำให้ใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้าสิ่งก่อสร้างนั้นมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ก็ต้องลงทุนเพื่อบูรณะ เจ้าของบ้านควรประเมินร่วมกับนักออกแบบเพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจน
 
9.Do : เผื่องบไว้บ้าง
“สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงโดยเฉพาะในการรีโนเวต ซึ่งเราอาจเจอปัญหาให้ต้องแก้ไขเพิ่ม จึงควรเผื่องบอีก 20 – 30 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณการก่อสร้าง ไม่เช่นนั้นแล้วหากเจอปัญหาขึ้นมา งานอาจจะสะดุดทำให้โครงการเสร็จล่าช้า หากปล่อยไว้นานจะยิ่งส่งผลให้งบประมาณบานปลายมากกว่าเดิม
 
10.Don’t  : เปลี่ยนใจบ่อย
สิ่งที่อยากจะบอกคุณผู้อ่านทุกท่านในฐานะที่ส่วนใหญ่น่าจะเป็น “ลูกค้า”ที่ต้องการรีโนเวต คือ “กรุณาอย่าเปลี่ยนใจบ่อย” เพราะทุกครั้งที่เปลี่ยนใจนั่นหมายถึงการสูญเสียงบประมาณและเวลา หากเริ่มงานก่อสร้างแล้วก็ต้องทุบรื้อแก้ไขงาน ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทั้งเจ้าของและตัวบ้านเอง เพราะฉะนั้นก่อนเริ่มก่อสร้างควรพูดคุยกับนักออกแบบไม่ว่าจะเป็นสถาปนิกหรือมัณฑนากรอย่างละเอียดและชัดเจนเสียก่อน ในส่วนของนักออกแบบก็ต้องพยายามอธิบายให้เจ้าของบ้านเข้าใจ ก็จะช่วยให้งานก่อสร้างราบรื่นและสมดังใจทุกฝ่าย
 
Engine by shopup.com