9361159

วงคาราโอเกะ รำวงย้อนยุค แสดงสด

หมวดหมู่สินค้า: A158 ลำวงย้อนยุค

26 กุมภาพันธ์ 2565

ผู้ชม 171 ผู้ชม

หากท่านกำลังมองหาวงดนตรีรำวงย้อนยุค มาแสดงในงานบุญ งานบวช งานแต่งงาน งานผ้าป่า งานกฐิน งานปีใหม่ งานสงกรานต์ งานกาชาด งานประจำปี  งานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ผลงานรำวงย้อนยุคของเรา
รำวงเวียนครก
รําวงเพชรบุรี
หมอลําย้อนยุค
รำวงย้อนยุคเพชรบุรี
ลำวงย้อนยุค
เช่าเครื่องเสียง
เช่าระบบไฟ
เต็นท์เช่า
เช่าคาราโอเกะ
         ติดต่อสอบถามคิวงาน       




 
วงคาราโอเกะ รำวงย้อนยุค แสดงสด
 
แรกเริ่มเดิมที “รำวงย้อนยุค” เกิดในช่วงรัชสมัยของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งเป็นการละเล่นของชาวบ้านในภาคกลางอย่าง จ.สระบุรี, อ่างทอง และชัยนาท ในช่วงหลังเก็บเกี่ยวข้าว เพราะพักผ่อนและคลายเหนื่อยล้าจากการทำนา ซึ่งเดิมทีจะเรียก “รำโทน” เพราะต้องใช้เครื่องดนตรีอย่าง “โทน” เป็นการให้จังหวะช้าๆ และเป็นเพลงสั้นๆ เล่นซ้ำไปซ้ำมา เช่น เพลงลามะลิลา, เพลงงามแสงเทียน เป็นต้น ต่อมาเมื่อท่านจอมพล ป.ได้เห็น ท่านจึงนำมาปรับโดยใส่รำวงมาตรฐาน การร่ายรำแบบไทยเข้าไป จึงออกมาเป็นศิลปะ “รำวง” กระทั่งเรียกขานกันว่า “รำวงย้อนยุค” ในปัจจุบัน 
 
ในอดีตการ “รำโทน” จะเน้นการจับคู่เต้น แต่เมื่อปรับแล้วเราก็จะเห็นว่าเป็นการเต้นและเดินเป็นวงกลมไปพร้อมกันหลายๆ คน ซึ่งสมัยนั้นทุกบ่ายวันพุธจะมีการเต้นรำวงย้อนยุคของข้าราชการ และเวลาที่ผู้นำประเทศไทยไปเยือนประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมก็จะมีการรำวงเพื่อความผ่อนคลายและความสัมพันธ์ที่ดี จึงทำให้การ “รำวง” เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยในแง่ของการเผยแพร่วัฒนธรรมไปสู่ต่างประเทศ และยังเป็นการกิจกรรมที่ใช้เลื่อนขั้นเลื่อนยศของข้าราชการยุคก่อนเลยก็ว่าได้ หรือเป็นข้อปฏิบัติซึ่งคล้ายกับกฎหมายยกเลิกกินหมากในสมัยรัชกาลที่ 5 กระทั่งหมดยุคการปกครองของจอมพล ป.พิบูลสงคราม และเข้าสู่ยุคของ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” กิจกรรมรำวงก็ได้หายไป กระทั่งถูกนำมาพื้นฟูในอีกช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยประยุกต์เป็นกิจกรรมออกกำลังกายของผู้สูงอายุ ซึ่งก็ได้การตอบรับที่ดีทั้งในแง่ของสุขภาพและอนุรักษ์วัฒนธรรมการร่ายรำของไทยให้คงอยู่กับเยาวชนรุ่นใหม่
 
ย้อนยุค "คณะรำวง"
 
ย้อนวันเวลาไปราวๆ ปี 2515 หรือประมาณ 43 ปีที่ผ่านมา ถ้าจะค้นหาว่าในช่วงเวลาดังกล่าวมีสถานที่ใดบ้างที่มี "คณะรำวง" และ "สาวรำวง" มากที่สุด
 
มีอยู่สถานที่หนึ่งที่ได้รับการยืนยันจากผู้เคยคลุกคลีอยู่กับวงการนี้มาอย่างยาวนานว่าเป็นดินแดนที่มีคณะรำวงมากที่สุด โดย ณ ที่แห่งนี้ก็คือ "อำเภอพาน" นั่นเอง
 
อำเภอพานเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงราย นอกจะเป็นอำเภอที่มีวัดวาอารามและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งแล้ว เมืองพานยังมีคณะรำวงและสาวรำวง รวมทั้งนักดนตรีฝีมือดีมากมาย โดยในอดีตนั้นมีคณะรำวงหลายคณะ ไม่ว่าจะเป็นคณะแม่คาวโตน สตาร์, รุกขชาติ ,ธนชาติ ,สาว 17,พานทอง, หงษ์ทอง,พุทธชาติ, ป่าแขม,เพชรยางตาล,เอื้องไผ่,พรรณราย,เอื้องฟ้า,ป่าไผ่,ป่าส้าน ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคณะรำวงที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น นอกจากนี้แล้วยังมีอีกหลายคณะทั้งที่พอจะมีชื่อและคณะใหม่ๆที่ตั้งกันขึ้นมาหากินในยุคนั้น
 
            เพราะเป็นดินแดนที่มีคณะรำวงมากที่สุดนี่เอง สิ่งที่เคียงคู่กับคณะรำวงก็คือ สาวรำวงและนักร้องนักดนตรี ดังนั้นเมืองพานจึงมีสาวรำวงนับพันๆ คนก็ว่าได้ เช่นเดียวกับนักร้องนักดนตรี เนื่องจากคณะรำวงยุคนั้นต้องใช้วงดนตรีแบคอัพแบบเต็มวง จึงทำให้อำเภอนี้มีนักดนตรีฝีมือจัดจ้านจำนวนมาก ตัวอย่างที่ยืนยันได้ก็เช่น "โอ้-โอฬาร" หรือ "โอฬาร พรหมใจ " มือกีตาร์ฝีมือเยี่ยมแห่งวง "ดิ โอฬาร โปรเจ็ค" ซึ่งก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนเมืองพานเหมือนกัน
 
            ในบรรดาคณะรำวงจำนวนมากนั้น คณะที่ถือว่าโด่งดังที่สุดในอดีตของอำเภอพานนั้น มีอยู่ 2 คณะที่ถือว่าสุดยอดและเป็นที่รู้จักกันทั้งภาคเหนือ อีกทั้งเป็นคู่แข่งกันด้วย นั่นก็คือคณะ แม่คาวโตน สตาร์ และคณะรุกขชาติ โดยคณะแม่คาวโตน สตาร์ มีพ่อหลวงสวัสดิ์ เชื้อเมืองพาน เป็นผู้ก่อตั้ง ส่วน รุกขชาติ มีสมบูรณ์ คำมงคล เป็นผู้ก่อตั้ง
 
            ส่วนสาวรำวงที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในวงการคณะรำวง โดยเป็นสาวรำวงกันแทบจะทั้งหมู่บ้านก็คือบ้านร่องบอน ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย  ซึ่งที่นี่เองที่รู้จักกันในนามหมู่บ้านสาวรำวง และสังกัดอยู่กับคณะรำวงที่ดังที่สุดในยุคนั้นมากที่สุด
 
คำบอกเล่าของเวลา
 
            บนเส้นทางที่ยาวนานของคนที่คลุกคลีอยู่กับคณะรำวงจากอดีตจนกระทั่งถึงทุกวันนี้นั้น สุรินทร์ จันทะไทย หัวหน้าคณะรำวงแม่คาวโตน 2000 ในปัจจุบันนี้เป็นอีกคนหนึ่งที่ยังยืนหยัดอยู่บนเส้นทางสายนี้ โดยตลอดชีวิตที่ผ่านมานั้นได้สัมผัสและรับรู้การเปลี่ยนแปลงของคณะรำวงในฐานะที่เป็นนักดนตรีและหัวหน้าคณะเป็นอย่างดี
 
            "ถ้าจะบอกว่ายุคเฟื่องฟูที่สุดของคณะรำวงน่าจะราวๆ ปี 2515 ช่วงนั้นยืนยันได้เลยว่าที่อำเภอพานนี่แหละ ที่มีคณะรำวงมากที่สุดในประเทศ"
 
            สุรินทร์ย้อนรำลึกก่อนจะเข้าสู่วงการนี้ว่า ตอนวัยรุ่นเริ่มเล่นลิเกก่อน โดยเล่นอยู่กับคณะ "ชาญน้อยวัฒนา" พร้อมกับฝึกฝนการเล่นดนตรีด้วย โดยเล่นดนตรีแทบทุกชนิต แต่เครืองดนตรีที่ถนัดจัดเจนก็คือการเล่นคีย์บอร์ดจนกระทั่งอายุ 21 ปีจึงเข้าสู่วงการคณะรำวง และมีอยู่ช่วงหนึ่งไปเดินสายอยู่ทั่วเชียงใหม่ จึงไปเล่นกับวงดนตรีลูกทุ่งที่เป็นลูกทีมของวงศรีสมเพชร วงดังของเชียงใหม่ ได้ค่าตัวคืนละ 20 บาท และที่นี่เองแล้วหลังจากนั้นก็กลับมาอยู่กับคณะรำวงอีกครั้ง
 
            "ระหว่างคณะแม่คาวโตน สตาร์ กับคณะรุกขชาติ เกิดร่วมยุคเดียวกัน ประมาณปี 2514 แต่คณะแม่คาวนั้นดังกว่า เพราะนักดนตรีเก่งมาก เมื่อก่อนนั้นผมเล่นอยู่กับคณะรุกขชาติ เป็นคู่แข่งกับแม่คาวโตน สตาร์  รำวงสมัยก่อนต้องเล่นสดเต็มวง ไม่ได้ใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์เหมือนกับทุกวันนี้ เหมือนกับเป็นวงดนตรีวงหนึ่ง"
 
            ความโด่งดังของคณะรำวงในตอนนั้น สุรินทร์ จันทะไทย บอกว่า เดินทางไปเล่นถึงสิงคโปร์เลยทีเดียว ส่วนทางภาคเหนือไปทุกจังหวัด โดยเฉพาะที่เชียงใหม่ไปแทบทุกตำบล เพราะยุคนั้นลำไยแพงทำให้เศรษฐกิจดี มีคนว่างจ้างมาก บางทีก็เปิดเวทีเองเลย
 
            "คณะรำวงแม่คาวโตน สตาร์ เริ่ม ปี 2514 แล้วก็หยุดเมื่อ ปี 2526 จากนั้นก็เริ่มใหม่ปี 2537 โดยผมนำมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นผมอยู่คณะรุกขชาติ แต่สนิทกับนักร้องหญิงของคณะแม่คาว จนกระทั่งมาใช้ชีวิตร่วมกันและนำเอาคณะรำวงแม่คาวโตนมาทำใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งถึงทุกวันนี้อย่างที่เห็นนี่แหละ"
 
            สำหรับค่าจ้างคณะรำวงนั้น สำหรับคณะที่โด่งดังจะตกประมาณคืนละ3,000-3,500 บาท ค่าตัวนักดนตรีจะได้ค่าตัวตั้งแต่ 60 ขึ้นไป ส่วนสาวรำวงจะได้ 30-40 บาท
 
อายุ 15 เข้ามาเป็นสาวรำวง
 
            สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคณะรำวงก็คือสาวรำวง ซึ่งชุมชนบ้านร่องบอน ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย จะเป็นชุมชนที่มีสาวรำวงมากที่สุด แม้ว่าเธอแต่ละคนจะผ่านพ้นวันเวลาเหล่านั้นมาแล้วก็ตาม ความทรงจำของสาวรำวงในวัยสาวก็ยังเหลืออยู่
 
          "ที่มาเป็นสาวรำวงนั้นก็เพราะเห็นว่ามันเป็นอาชีพหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ อีกอย่างหนึ่งคือเราไม่ได้เรียนหนังสือ ส่วนมากจะจบแค่ ป.4 เท่านั้น อยู่บ้านก็ไม่มีอาชีพอะไร อีกอย่างหนึ่งซึ่งการเป็นสาวรำวงนั้นได้ออกจากบ้านไปพบเห็นสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ตามสถานที่ต่างๆ อีกอย่างวัยตอนนั้นก็เป็นวัยที่กำลังสนุกด้วย...จึงทำให้สาวๆ ที่นี่เป็นสาวรำวงกันมาก"
 
            นี่คือความทรงจำของช้อย วงศ์รัตน์ อดีตสาวรำวงแม่คาวโตน สตาร์ยุคแรกๆ ซึ่งปัจจุบันเธอกับสามีมีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง ซึ่งเหตุผลในการเป็นสาวรำวงของเธอนั้นก็เช่นกับของ บัวชอน บุญสุข อดีตสาวรำวงคณะเดียวกัน
 
            "ค่าตัวของสาวรำวงสมัยก่อนก็ได้กันคืนละ 30-40 บาท เดือนๆ หนึ่งก็มีรายได้ไม่น้อยนะ จะบอกว่าลำบากไหม...ก็มีบ้างนะ เพราะต้องเดินทางไปกับคณะรำวงตลอดเวลา บางทีรถบรรทุกคันเดียวก็ต้องไปกันให้หมด ทั้งสาวรำวง เครื่องดนตรี นักดนตรี บางทีมันก็เสี่ยงกับอุบัติเหตุเหมือนกัน เพราะมีคิวไปแสดงทุกวันนั่นเอง ในยุคโน้นบางทีต้องไปทั้งปีเลยนะ ไม่ได้กลับมาบ้านหรอก จะมีก็แต่เขียนจดหมายมาบอกทางบ้านเท่านั้น" ช้อย วงศ์รัตน์ เล่ารำลึกถึงอดีต
 
            เช่นเดียวกับบัวชอน บุญสุข เธอบอกว่า "คณะรำวงจะตระเวนไปทั่ว ที่ไปไกลที่สุดก็คือจังหวัดชุมพร สำหรับทางภาคเหนือนั้นไปทุกจังหวัด สถานที่หลับนอนในแต่ละคืนก็มีทั้งที่เจ้าภาพงานจัดให้ ในโรงเรียนบ้าง หรือไม่ก็วัดบ้าง หรือไม่บางทีก็จัดเต็นท์ทำเป็นที่หลับที่นอนกันเอง กับข้าวกับปลาก็ทำกินกันเอง แต่ถ้าเจ้าภาพที่มาว่าจ้างจัดอาหารการกินให้ก็ถือว่าโชคดีไป"
 
            ในความรู้สึกของ ธนิสร เต๋อ๊ะ สาวรำวง คณะสาว 17 ในอดีต ซึ่งเป็นคณะรำวงที่โด่งดังอีกคณะหนึ่งในยุคนั้น เธอเล่าถึงวันคืนเก่าให้ฟังว่า
 
            "บางแห่งที่เราไปเล่นนั้นมันไกลมาก โดยเฉพาะที่แม่สอด เป็นหมู่บ้านอยู่กลางหุบเขา เวลารถของคณะไปเวลามองลงไปจากไหล่เขาจะเห็นหมู่บ้านลิบๆอยู่ข้างล่าง...ที่หวาดเสียวก็คือเวลารถมันขึ้นเนินดอยไม่ค่อยไหว แล้วมันถอยหลังนั่นล่ะ... การเดินทางนี่แหละน่ากลัวมาก บางคืนต้องออกเดินทางตีหนึ่งตีสอง" เธอบอกพลางหัวเราะ
 
            ธรรมชาติอย่างหนึ่งของสาวรำวงที่จะต้องพบเจอก็คือการถูกพวกหนุ่มๆ แทะโลมหรือไม่ก็ลวนลาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวงเพ็ชร บุญสุข คุู่ชีวิตเจ้าของคณะรำวงรุกขชาติ เปิดเผยว่า
 
            "สาวรำวงจะมีกฎเกณฑ์นะ คือ ห้ามออกไปเที่ยวคนเดียว ถ้าจะออกจากสถานที่พักจะต้องไปเป็นกลุ่ม หรือเวลาจะไปเข้าห้องน้ำห้องท่า ก็ต้องไปเป็นคู่ๆ... ส่วนบนเวทีรำวงนั้นไม่ค่อยจะมีปัญหาอะไร "
 
            พวงเพ็ชร บุญสุขยังบอกอีกว่า หัวหน้าคณะรำวงจะต้องรับผิดชอบสูงมาก จะต้องไปขออนุญาติกับพ่อแม่สาวๆ ก่อนที่จะชวนมาร่วมวง เหมือนกับเป็นการรับประกันความปลอดภัยให้กับลูกสาวของเขาด้วย
 
            "ส่วนค่าตัวของสาวรำวงนั้น ก็เริ่มตั้งแต่ 30 บาท ถ้าอยู่นานก็ขยับขึ้นมาเป็น 40 บาท ถือว่ามีประสบการณ์ แต่ถ้าใครมีความสามารถพิเศษร้องเพลงได้ หรือโชว์การเต้นได้ ก็จะได้ค่าตัวเพิ่มมากขึ้น"
 
 ยุคอับเฉาของคณะรำวง
 
            "ตั้งแต่ปี 2529 เป็นต้นมา ตอนนั้นดิสโก้เธคกำลังเข้ามา และคนเริ่มหันไปนิยม โดยเฉพาะดิสโกเธกเคลื่อนที่ที่ไปเปิดตามงานต่างๆ ช่วงนี้แหละที่ทำให้คณะรำวงเริ่มตกต่ำลง"
 
            บังอร จันทะไทย ในฐานะที่เป็นนักร้องหญิงยุคแรกและเป็นเงาเสียง "บุปผา สายชล" ของคณะรำวงแม่คาวโตน สตาร์ พูดถึงการเผชิญกับความตกต่ำของคณะรำวง เนื่องจากคนหันไปสนใจดิสโกเธกกันหมด เธอบอกว่างานที่เคยมีแทบไม่ว่างเว้นในแต่ละเดือนลดลงฮวบฮาบ
 
            "ช่วงนั้นบางคืนผมเก็บเงินได้แค่ 200 บาทเท่านั้น" สุรินทร์ จันทะไทยเล่าถึงความล่มสลายที่มาเยือน "คือคณะรำวงมันต้องแสดงสดๆ ต้องใช้นักดนตรีจริงๆ และต้องเล่นเป็นวงด้วย นอกจากนี้แล้ว เรายังต้องมีเวที มีไฟด้วย เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายจึงสูง ไม่เหมือนเธคเคลื่อนที่ เปิดเพลงแล้วให้คนดิ้นกันเท่านั้น"
 
            นั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บรรดาหัวหน้าคณะรำวงต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบ หรือไม่บางคณะก็ต้องเลิกลากันไป เพราะไม่มีงาน ทำไปก็ไม่คุ้ม
 
            "ช่วงที่ตกต่ำนั้นผมขายเครื่องไม้เครื่องมือไปหลายอย่าง ทั้งไฟทั้งเวที แล้วก็หันไปเล่นดนตรีตามร้านอาหาร เล่นได้สักระยะก็หันไปเล่นดนตรีตามงานศพ เพราะช่วงนั้นคนตายด้วยโรคเอดส์เยอะมาก จึงทำให้มีงานแทบไม่ว่างเว้น เพราะเจ้าภาพงานศพเข้าจ้างให้ไปแสดงนั่นแหละ "
 
            วันนี้ สุรินทร์ จันทะไทย อายุ 60 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ทิ้งคณะรำวง โดยเป็นหัวหน้าคณะรำวงแม่คาวโตน 2000 สานต่อจากยุคอดีตมาจนถึงทุกวันนี้ แต่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับยุคสมัย
 
            "เดี๋ยวนี้คนกลับมานิยมคณะรำวงอีกครั้ง เป็นลักษณะของรำวงย้อนยุค แต่คณะของผมนำมาปรับให้ร่วมสมัย ไม่ได้ย้อนยุคเสียทั้งหมด ทุกวันนี้มีงานเข้าตลอด ทั้งรำวง และเล่นเป็นวงแบคอัพ แล้วแต่ว่าคนจ้างจะต้องการรูปแบบไหน ส่วนสาวรำวงการเนื้อแต่งตัวก็เป็นยุคใหม่ เช่นเดียวกับนักดนตรี ก็มีนักดนตรีรุ่นใหม่ๆ มาเล่นประจำที่คณะของผม ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีใจรักดนตรี หรือบางทีก็เป็นลูกนักดนตรีที่พ่อของเขาเคยเล่นกับคณะรำวงรุ่นเดียวกันผมมาก่อน... สำหรับรายได้นั้นก็พออยู่ได้...ไม่ถึงกับร่ำรวยอะไร"


วงดนตรีรำวงย้อนยุคเชียงราย 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเชียงใหม่ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคน่าน 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพะเยา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคแพร่ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคแม่ฮ่องสอน 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคลำปาง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคลำพูน 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคอุตรดิตถ์
วงดนตรีรำวงย้อนยุคกาฬสินธุ์ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคขอนแก่น 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคชัยภูมิ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคนครพนม 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคนครราชสีมา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบึงกาฬ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบุรีรัมย์ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคมหาสารคาม 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคมุกดาหาร 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคยโสธร 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคร้อยเอ็ด 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเลย 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสกลนคร 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสุรินทร์ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคศรีสะเกษ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคหนองคาย 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคหนองบัวลำภู 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคอุดรธานี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคอุบลราชธานี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคอำนาจเจริญ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคกำแพงเพชร 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคชัยนาท 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคนครนายก 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคนครปฐม 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคนครสวรรค์ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคนนทบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคปทุมธานี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพระนครศรีอยุธยา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพิจิตร 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพิษณุโลก 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเพชรบูรณ์ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคลพบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสมุทรปราการ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสมุทรสงคราม 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสมุทรสาคร 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสิงห์บุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสุโขทัย 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสุพรรณบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสระบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคอ่างทอง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคอุทัยธานี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคจันทบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคฉะเชิงเทรา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคชลบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคตราด 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคปราจีนบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคระยอง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสระแก้ว 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคกาญจนบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคตาก 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคประจวบคีรีขันธ์ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเพชรบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคราชบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคกระบี่ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคชุมพร 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคตรัง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคนครศรีธรรมราช 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคนราธิวาส 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคปัตตานี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพังงา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพัทลุง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคภูเก็ต 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคระนอง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสตูล 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสงขลา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสุราษฎร์ธานี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคยะลา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคกรุงเทพมหานคร
 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคคลองสาน 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคคลองสามวา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคคลองเตย
วงดนตรีรำวงย้อนยุคคันนายาว 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคจอมทอง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคดอนเมือง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคดินแดง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคดุสิต 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคตลิ่งชัน 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคทวีวัฒนา
วงดนตรีรำวงย้อนยุคทุ่งครุ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคธนบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางกอกน้อย
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางกอกใหญ่ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางกะปิ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางคอแหลม
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางซื่อ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางนา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางพลัด 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางรัก
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางเขน 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางแค 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบึงกุ่ม 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคปทุมวัน
วงดนตรีรำวงย้อนยุคประเวศ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคป้อมปราบศัตรูพ่าย 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพญาไท
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพระนคร 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพระโขนง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคภาษีเจริญ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคมีนบุรี
วงดนตรีรำวงย้อนยุคยานนาวา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคราชเทวี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคราษฎร์บูรณะ
วงดนตรีรำวงย้อนยุคลาดกระบัง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคลาดพร้าว 
วงดนตรีรำวงย้อนยุควังทองหลาง
วงดนตรีรำวงย้อนยุควัฒนา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสวนหลวง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสะพานสูง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสัมพันธวงศ์ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสาทร 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสายไหม
วงดนตรีรำวงย้อนยุคหนองจอก 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคหนองแขม 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคหลักสี่ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคห้วยขวาง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเมืองนครปฐม 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคกำแพงแสน 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคดอนตูม
วงดนตรีรำวงย้อนยุคนครชัยศรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางเลน 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพุทธมณฑล 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสามพราน
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเมืองนนทบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางกรวย 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางบัวทอง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางใหญ่ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคปากเกร็ด 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคไทรน้อย
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเมืองปทุมธานี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคคลองหลวง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคธัญบุรี
วงดนตรีรำวงย้อนยุคลาดหลุมแก้ว 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคลำลูกกา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสามโคก 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคหนองเสือ
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเมืองสมุทรปราการ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางพลี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางเสาธง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพระประแดง
 วงดนตรีรำวงย้อนยุคพระสมุทรเจดีย์
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเมืองระยอง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคนิคมพัฒนา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเขาชะเมา
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบ้านฉาง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคปลวกแดง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุควังจันทร์ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคแกลง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเมืองชลบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเกาะจันทร์ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางละมุง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบ่อทอง  
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบ้านบึง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพนัสนิคม
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพานทอง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคศรีราชา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสัตหีบ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคหนองใหญ่ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเกาะสีชัง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเมืองสมุทรสาคร 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคกระทุ่มแบน 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบ้านแพ้ว 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคมหาชัย
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเมืองสมุทร
วงดนตรีรำวงย้อนยุคอัมพวา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางคนที
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเมืองราชบุรี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบ้านคา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคจอมบึง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคดำเนินสะดวก 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางแพ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบ้านโป่ง
วงดนตรีรำวงย้อนยุคปากท่อ
วงดนตรีรำวงย้อนยุควัดเพลง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสวนผึ้ง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคโพธาราม
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเมืองฉะเชิงเทรา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคคลองเขื่อน 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคท่าตะเกียบ 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางคล้า
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางน้ำเปรี้ยว 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบางปะกง 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบ้านโพธิ์
วงดนตรีรำวงย้อนยุคพนมสารคาม
วงดนตรีรำวงย้อนยุคราชสาส์น 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคสนามชัยเขต 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคแปลงยาว
วงดนตรีรำวงย้อนยุคเมืองนครนายก 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคปากพลี 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคบ้านนา 
วงดนตรีรำวงย้อนยุคองครักษ์
 
Engine by shopup.com