Light Modifier คืออะไร มีประโยชน์อะไรในการถ่ายภาพ ปี2023
27 มีนาคม 2566
ผู้ชม 178 ผู้ชม
รับตัดต่อวีดีโอ รับผลิตวีดีโอ พรีเซนเทชั่น คลิปโปรโมทสินค้า แนะนำองค์กร ฯลฯ ด้วยทีมงานคุณภาพ Vdo presentation,วีดีโอพรีเซ็นเตชั่น ราคาพิเศษ คุณภาพสูง
รับทำ slide show ถ่ายทำ MV ตัดต่อ ภาพประกอบเพลง
รับถ่ายภาพงานแต่งงาน ถ่ายรูป pre wedding นอกสถานที่ ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง
รับงานถ่ายภาพ วีดีโอทางอากาศ
บริการจัดหาช่างภาพ
ช่างวีดีโอ รับถ่ายวีดีโอ
รับถ่ายภาพ งานแต่งงาน Wedding Cinema
หาช่างภาพหาช่างวีดีโอ
รับถ่ายวีดีโอ ถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ
ถ่ายภาพงานแต่งงาน
ช่างภาพ ช่างถ่ายรูปางภาพ
ผลงานวีดีโอถ่ายรูปแต่งงาน Pre wedding
ชมผลงานถ่ายวีดีโอโดรน
ผลงานรับตัดต่อวีดีโอ
รับทำ MV/หนังสั้น Short Film / โฆษณา ราคาพิเศษ
ผลิตวีดีโอทุกชนิด Tagged ช่างภาพวีดีโอ, ช่างวีดีโอ, ถ่ายmv ไม่แพง, ถ่ายโปรเจคส่งอาจารย์, รับถ่าย mvรับทำ MV หนังสั้น ตัดต่อวีดีโอ ราคาถูก คุณภาพสูง SoundhotFilm Studio รับถ่าย MV/หนังสั้น พร้อมแต่งพล็อตเรื่องให้ตามความยาวเพลงหรือหนังให้ฟรี
ชมผลงานเพิ่มเติมที่
Light Modifier คืออะไร มีประโยชน์อะไรในการถ่ายภาพ
Light Modifier คืออะไร? Light Modifier คือ อุปกรณ์เสริมที่ช่วยปรับแสง กำหนดรูปร่างของแสง และสามารถควบคุมแสงได้ โดยทั่วไปแล้วจะช่วยกระจายแสงและลดความกระด้างของแสง เพื่อให้ตัวแบบหรือวัตถุที่เราต้องการถ่ายได้รับแสงที่นุ่มนวล หรือเข้ม ตามที่เราต้องการออกแบบสภาพแสง เป็นสิ่งที่นิยมใช้กันมากและจำเป็นทั้งในงานถ่ายภาพนิ่งและงานวิดีโอ อย่างที่หลายๆคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่ากันว่า “แสงเปลี่ยน…อารมณ์เปลี่ยน” เช่นเดียวกัน ถ้าเราต้องการสร้างอารมณ์ และ Mood Tone ของแสง เพื่อให้ได้ภาพอย่างที่เราต้องการ Light Modifier จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆอย่างขาดไม่ได้
จุดประสงค์ของการเลือกใช้ Light Modifier
ส่วนใหญ่แล้วไฟสตูดิโอ หรือไฟ LED โดยทั่วๆไป ออกแบบให้เป็นแหล่งกำเนิดแสงเทียม โดยคำนึงถึงกำลัง Watt ความแรงและความเข้มของแสง รวมไปถึงอุณหภูมิสีเป็นหลัก ดังนั้นการที่จะถ่ายทอดจินตนาการของช่างภาพ จึงต้องมีการออกแบบและปรับแหล่งกำเนิดแสงให้ได้ตามต้องการ โดยหลักการของการใช้ก็จะมีหลักใหญ่อยู่ 2 จุดประสงค์
1. เพื่อกำหนดทิศทางแสง และบีบแสงเป็นรูปทรงต่างๆ ตามที่เราต้องการ
Light Modifier ที่ทำหน้าที่บีบแสง หรือควบคุมทิศทางแสงมีอยู่หลากหลายประเภท เช่น Softbox, Barndoor หรือ Snooze ซึ่งหน้าที่หลักของ Light Modifier ประเภทนี้คือทำหน้าที่กำหนดทิศทางแสง เช่น ทำให้เป็นวง หรือเป็นจุด รวมไปถึง ทำให้เป็นรูปทรงต่าง เพื่อให้ได้ทิศทางของแสงอย่างที่เราต้องการ
2. เพื่อปรับความเข้มของแสงให้นุ่ม
ตามหลักการทำงาน เราต้องมีการปรับความเข้มแสงให้นุ่มลง โดยกระจายแสงให้แสงตกกระทบลงบนตัวแบบหรือวัตถุให้เบาบางลง อาจจะผ่านแผ่น Diffuser ที่ด้านหน้าของตัว Softbox ช่วยให้แสงไม่กระทบลงตัวแบบโดยตรง หรือ ร่มกระจายแสง (Umbrella) ก็เป็นการกระจายแสงให้ดูนุ่มลงเช่นเดียวกัน หรือแม้กระทั่งแผ่น Reflect หรือ โฟม ที่ทำหน้าที่สะท้อนแสง ก็เป็นหนึ่งใน Light Modifier ที่ทำหน้าที่ปรับความเข้มของแสงเช่นเดียวกัน เพื่อให้อารมณ์ของภาพมีความแตกต่างกันออกไป
ประเภทและชนิดของ Light Modifier ที่ยิยมใช้กันมาก
1. แผ่น Reflector
แผ่น Reflector หรือที่เราเรียกกันว่า แผ่นสะท้อนแสง จะมีทั้งแบบพับได้และพับไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งาน โดยหน้าที่หลักของแผ่น Reflect คือใช้พื้นผิวเพื่อสะท้อนแสง เช่นแสงจากไฟ LED แสงจากดวงอาทิตย์ แสงแฟลชสตูดิโอ โดยจะทำหน้าที่สะท้อนไปยังตัวแบบ หรือวัตถุที่ต้องการจะถ่าย หลักการนี้ใช้ทั้งงานวิดีโอ และงานถ่ายภาพนิ่ง ซึ่งแผ่น Reflect จะใช้งานง่าย และสะดวก รวมไปถึงราคาที่ไม่แพง เป็นที่นิยมใช้กันมากๆ โดยตัวเลือกยอดนิยมของแผ่นรีเฟลค ได้แก่ สีขาว สีเงิน และสีทอง แต่ถ้าเราไม่สามารถหาแผ่น Reflect ได้ เราอาจจะใช้แผ่นโฟมสีขาว หรือผ้าสีขาว มาทำหน้าที่แทนได้ ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงเช่นเดียวกัน
2. ร่ม
ร่ม เป็นอีกหนึ่ง light Modifier ที่นิยมใช้กันมาก เช่นเดียวกับแผ่น Reflect โดยร่ม มีขนาด และผิวสะท้อนที่แตกต่างกันหลายแบบ แต่ที่ยิยมกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้น สีขาว ซึ่งสามารถใช้สะท้อนแสง รวมไปถึงยิงแสงให้ทะลุผ่านไปได้บางส่วน หรือจะเป็นแบบหลังดำที่ป้องกันแสงสะท้อนผ่าน โดยขนาดของร่มก็จะแตกกต่างกันไปตามการเลือกใช้งาน
3. Softbox
ซอฟต์บ็อกซ์ (Softbox) คือเป็นได้ทั้งตัวปรับแต่งแสง รูปทรงของแสง รวมไปถึงกระจายแสงให้มีความนุ่มนวล โดยรูปทรงของ Softbox จะมีหลากหลายแบบขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นทรงเหลี่ยม (Square Softbox) ทรงยาวผืนผ้า (Stripbox) ทรงแปดเหลี่ยม (Octabox) ทรงกลมแบบ Parabolic
โดยหลักการทำงานทำหน้าที่สะท้อนแสงภายในทรงกล่อง เพื่อลดความเข้มแสงลง เพื่อทำให้แสงนุ่มนวล โดยบางแบบจะมีแผ่น Diffuser อยู่ด้านในทำหน้าที่กรองแสงอีกชั้นหนึ่งด้วย และยังความคุมทิศทางแสงให้ออกมาสม่ำเสมอกัน ซึ่ง Softbox จะเป็นที่นิยมใช้กันมากในงานถ่าย Portrait และงานถ่ายภาพในสตูดิโอ เพราะรูปทรงของแสงที่ถูกสะท้อนออกมาจาก Softbox จะสะท้อนที่เข้าไปที่ดวงตาของแบบ ช่วยให้ดวงตาของตัวแบบดูมีมิติและความสวยงามมากขึ้น
และ Softbox บางประเภทเช่น Stipbox ยังช่วยให้เราสามารถบีบแสงให้เป็นแนวเส้น ที่ช่วยให้ความสว่างกับตัวแบบได้ดี ซึ่งในบางครั้งเราต้องการเน้นการถ่าย Portrait แบบครึ่งตัว Stripbox จะเป็น Softbox ที่ช่วยควบคุมแสงให้ออกมาอย่างที่ต้องการได้มากกว่า
4. Standard Reflector / Bowl Reflector
เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่เรามักจะได้มาจากการซื้อไฟที่เป็นดวงโคมอยู่แล้ว ซึ่งหลายๆคนอาจจะมองข้ามไป หรือไม่ได้เห็นประโยชน์เพราะคิดว่าเป็นของแถมที่ไม่ได้ใช้ จริงๆแล้ว Standard Reflector หรือ Bowl Reflector จะทำหน้าที่เพิ่มการกระจายแสงให้มีความสว่างขึ้น เพราะส่วนใหญ่ผิวสะท้อนจะเป็นสีเงิน เรามักจะเอา Standard Reflector ไว้ใช้งานเวลาต้องการเก็บรายละเอียดของผิว หรือวัตถุที่เราถ่ายเฉพาะส่วน เนื่องจาก Standard Reflector / Bowl Reflector จะมีขนาดที่ค่อนข้างเล็กนั้นเอง บางครั้งอาจจะทำให้เกิดเงาได้ง่ายว่า
5. Beaty Dish
เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายจาน มีขนาดใหญ่กว่า Standard Reflector ทำหน้าที่กระจายแสงให้เป็นวงกลม ซึ่งแสงที่ได้จะค่อนข้างแข็ง เนื่องจากไม่มีแผ่น Diffuser อยู่ที่ด้านหน้านั้นเอง เพียงแต่ไม่แสงจะไม่แข็งเท่ากับการใช้ Standard Reflecor/Bowl Reflector โดยแสงที่ได้จาก Beaty Dish จะเป็นเป็นแบบ Semi-hard ซึ่ง Beauty Dish เลือกที่จะลดความแข็งของแสงด้วยสีของพื้นผิวที่สะท้อนด้านในนั้นเอง ส่วนใหญ่ก็จะมี 2 สี คือสีเงิน และ สีขาว โดยที่สีขาวจะมีความ Soft มากกว่า และเมื่อเทียบกับ Standard Reflector ตัว Beauty Dish จะมีขอบที่นุ่มกว่านั้นเอง
โดยปกติเราใช้ Beauty Dish เพื่อช่วยเน้นรายละเอียดบนใบหน้าของตัวแบบ และที่สำคัญเราต้องการให้ไฟที่สะท้อนในดวงตาของแบบเป็นทรงกลมสวยงาม
6. Ring Light
Ring Light เป็นไฟรูปวงแหวน หรือโดนัท รูปทรงกลมตามชื่อ ซึ่งมักจะใช้งานโดยให้เลนส์และกล้องอยู่บริเวณตรงกลางของวงแหวน ซึ่งจุดประสงค์หลักของการเลือกใช้ Right Light คือต้องการไฟที่ไม่เกิดเงาบนใบหน้า เนื่องจากไฟเป็นรูปวงแหวน และให้เลนส์อยู่ตรงกลางดนั้นไฟจะทำหน้าที่ลบเงาออกจนหมด เนื่องจากแสงอยู่ในตำแหน่งรอบเลนส์ไฟวงแหวนจึงทำให้เกิดแสงที่แบนราบและไม่มีทิศทาง
Ring Light (ไฟวงแหวน) นิยมใช้กันมากในการถ่ายภาพมาโคร เพราะจะช่วยลบเงาที่ไม่จำเป็นออกและยังช่วยให้ตัวแบบมีความสว่างทั่วถึง และยังนิยมใช้ในการถ่าย Portrait แบบเห็นมหน้าหรือการแต่งหน้า เพราะช่างภาพบางท่านต้องการเน้นแสงที่ Clear บนใบหน้าทั้งหมดมากกว่าเล่นทิศทางแสงกับเงา ซึ่งบางครั้งไฟที่สะท้อนจาก Ring Light ในดวงตาแบบยังให้ความรู้สึกเหมือน Angle Eye อีกด้วย
7. Color Gel
Color Gel หรือเจลสี สามารถใช้เพื่อเปลี่ยนสีของไฟ LED หรือ Flash ของคุณเป็น เพื่อเพิ่มสีที่สร้างสรรค์ให้กับภาพของคุณ โดยปกติเราสามารถเลือกใช้ไฟแบบ RGBW ที่สามารถสร้างสีได้ตามต้องการมาใช้งานได้เลย เพียงแต่ในบางครั้งหน้างานจริงเราไม่ไฟ RGBW ที่มีกำลัง WATT สูงๆที่เพียงพอ เราจึงจำเป็นต้องดัดแปลงโดยใช้ Color Gel มาปิดที่หน้าดวงไฟ เพื่อเพิ่มสีให้กับไฟตามสีที่เราต้องการ
หรือเราสามารถใช้ Color Gel เพื่อเป็นการ “การแก้ไขสี” โดยเราสามารถปรับ output ของสีให้ออกมาตามสภาพแสงแวดล้อมที่เราต้องการ เช่นงานถ่าย Outdoor ช่วงเย็น ซึ่งเราต้องการแก้แสงให้อุณหภูมิสีออกมาเป็น Day time เราก็ต้องเลือกใช้เจลสีที่ทำการแก้ไขสีของ Output ให้ออกมาตามที่เราต้องการนั้นเอง
และเรายังใช้ Color Gel สำหรับการสร้างสรรค์ภาพ ช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนสีพื้นหลัง หรือเพิ่มสีที่น่าสนใจให้กับแสงของตัวแบบได้ การใช้ Color Gel เป็นวิธีที่ประหยัดในการสร้างความแตกต่างให้กับงานของคุณจากช่างภาพคนอื่น ๆ
8. Grid (กริด)
กริด หรือบางคนอาจจะเรียก Honey Comb เป็น ชุดโครงสร้างคล้ายตาข่ายรังผึ้งที่ติดอยู่ด้านหน้าของแฟลช หรือติดไว้ที่ด้านหน้าของตัว Softbox จุดประสงค์ของกริดคือเพื่อ ควบคุม การส่งออกแสงให้อยู่ในบริเวณที่เล็กลง เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของแสงได้อย่างจำกัดมากขึ้น และเป็นทิศทางมากขึ้น เช่นการใช้งานร่วมกับ Softbox เมื่อเราติดกริดเข้าที่ด้านหน้าของตัว Softbox เราจะสามารถกำหนดทิศทางของแสงให้เป็นแส้นตรงในจุดเล็กได้ดีกว่า ช่วยให้การควบคุมทิศทางแสงดียิ่งขึ้น
9. Snoot
Snoot คือ Light Modifier ชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่คลายกับกริด โดยปกติกริดจะเป็นแผงที่นำไปติดไว้ที่หน้าแฟลชหรือ Softbox แต่ Snoot เป็นอุปกรณ์ที่ติดไว้ที่หน้าโคมไฟ เพื่อความแสงให้เป็นจุดเล็กลงลา จุดประสงคฺก็เพื่อ ให้แสงบีบลงมาอยู่ในพื้นที่เล็ก สำหรับการโฟกัสแสงแค่จุดใดจุดหนึ่ง ซึ่ง Snoot บางตัวยังออกแบบให้มีกริดอยู่ที่ด้านปลายเพื่อบังคับทิศทางแสงให้เป็นเส้นตรงมากขึ้นอีกด้วย
10. Gobo
เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่เราใช้ออกแบบให้แสงเป็นรูปร่างตามที่เราต้องการ โดยปกติ Gobo จะเป็นแผ่นทึบแสงสีดำ เจาะช่องให้แสงผ่านเป็นรูปตามที่เราต้องการเช่น เจอะช่องแสงเป็นรูปหน้าต่าง เมื่อเราใช้งานรวมกับไฟ LED จะทำให้แสงที่ออกมาตกกระทบลงบนฉากหลัง หรือตัวแบบ ออกมาเหมือนกับแสงนั้นส่องผ่านหน้าต่างมานั้นเอง เป็นการสร้างสรรค์งานและออกแบบฉากให้ดูมีมิติและความแตกต่างกว่างานทั่วไป โดยปกติ Gobo จะมาเป็นชุดอุปกรณ์ที่สามารถจับยึดและและเปลี่ยนแผ่นได้ตามแบบที่เราเลือกซื้อ ซึ่งบางครั้ง Gobo ก็จะขายเป็นชุดและแผ่นรวมกันมากับ Projection Lens / Projector
11. Projection Lens / Projector
Projection Lens เป็นอุปกรณ์ Light Modifier อีกตัวที่ทำหน้าที่กระจายแสง หรือขยายแสงและยังเพิ่มกำลังไฟ โดยให้แสงกระจายอย่างทั่วถึง โดยจะมาพร้อมชิ้นเลนส์กระจายแสงที่อยู่ด้านใน ทำหน้าที่ขยายวงแสงตามที่เราต้องการ ซึ่งเราสามารถเลือกวงแสงให้ขยาย 19 องศา, 26 องศา หรือ 36 องศา ก็ได้ตามที่เราต้องการ โดยเราจะเลือกใช้งานตามขนาดวงแสงที่ต้องการ หรือขนาดพื้นที่ที่เราใช้งานก็ได้
ส่วนใหญ่ชุด Projection Lens จะออกแบบมาให้เราสามารถใช้งานร่วมกับ Gobo ได้เลย เพราะเป็นอุปกรณืที่เน้นการใช้งานร่วมกัน หรือบางครั้ง Projection Lens ยังออกแบบมาให้มีที่ใส่ Color Gel เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานและติดตั้ง เป็นอีกหนึ่ง Light Modifier ที่ยิยมใช้เพื่อสร้างสรรค์งานที่แตกต่าง