รับดูแลผู้ป่วยตามบ้านเชียงราย โทร 080-2426616
หมวดหมู่สินค้า: rtd68 ทำความสะอาด
04 สิงหาคม 2567
ผู้ชม 77 ผู้ชม
เชียงราย ดูแลผู้สูงอายุ&ผู้ป่วยพักฟื้น อบอุ่น ปลอดภัย ใส่ใจสุขภาพ
ศูนย์แลผู้สูงอายุเชียงราย ผู้ป่วย รับเฝ้าไข้ตามบ้าน โรงพยาบาล ดูแลเด็กตามบ้านและผู้สูงอายุ จัดหาพนักงานดูแลผู้สูงอายุ ดูแลผู้ป่วยเชียงราย แม่บ้าน พี่เลี้ยงเด็ก เจ้าหน้าที่เราผ่านการฝึกอบรม
รับดูแลผู้ป่วยตามบ้านเชียงราย
รับดูแลคนชราตามบ้านเชียงราย
รับดูแลคนแก่ตามบ้านเชียงราย
รับเฝ้าไข้ตามบ้านเชียงราย
เชียงราย ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ไหนดี
เชียงราย ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ไหนดี
บริการดูแลผู้สูงอายุเชียงราย บริการดูแลผู้ป่วย รายวัน รายเดือน เฝ้าไข้ผู้ป่วยที่บ้าน ที่โรงพยาบาล รับเฝ้าไข้ 24 ชั่วโมง บริการส่งพยาบาลพิเศษ เฝ้าไข้ ดูแลผู้สูงอายุ ประจำบ้าน ราคาเป็นกันเอง รับเฝ้าไข้ 24 ชม. บริการด้วยใจ
งานดูแลผู้สูงอายุตามบ้านเชียงราย
งานดูแลผู้สูงอายุตามบ้านเชียงราย
อัตราค่าบริการดูแลผู้สูงอายุเชียงราย
รับจ้างดูแลผู้สูงอายุรายวันเชียงราย
หาคนอยู่เป็นเพื่อนคนแก่เชียงราย
บริการจัดส่งพนักงานดูแลผู้สูงอายุเชียงราย
รับดูแลผู้สูงอายุตามบ้านราคาเชียงราย
จัดส่งพนักงานดูแลคนแก่เชียงราย ผู้ป่วย เฝ้าไข้ ประจำตามบ้าน รับเฝ้าไข้ตามโรงพยาบาล ดูแลเด็กตามบ้านและผู้สูงอายุ แม่บ้านทำความสะอาดเชียงราย หาคนดูแลผู้ป่วยที่บ้านหรือเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาล
รับดูแลผู้ป่วยติดเตียงเชียงราย
รับดูแลผู้สูงอายุตามบ้านเชียงราย
จัดส่งคนดูแลผู้ป่วยเชียงราย
อัตราค่าบริการดูแลผู้สูงอายุเชียงราย
รับจ้างดูแลผู้สูงอายุรายวันเชียงราย
รับดูแลผู้สูงอายุตามบ้านราคาเชียงราย
เชียงราย ดูแลผู้สูงอายุ แบบไป-กลับ
ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้นเชียงราย
หลักการดูแลผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุ นอกจากอายุที่มากขึ้นแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย และจิตใจอีกด้วย เห็นได้ชัดจากริ้วรอยที่เพิ่มขึ้น การทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย ที่เริ่มถดถอยลง ร่างกายอ่อนแอลง ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ เหมือนแต่ก่อน อีกทั้งโรคภัยต่าง ๆ ก็ตามมา หลักการดูแลผู้สูงอายุ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่ง โดยบทความนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ร่างกาย และจิตใจ
หลักการดูแลผู้สูงอายุ ทางด้านด้านร่างกาย
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายเมื่ออายุมากขึ้นการมองเห็น การมองเห็นแย่ลง มองไม่ชัดเหมือนเดิม สายตายาว บางรายมีอาการสายตาสั้น และสายตายาวร่วมกันด้วย
การได้ยิน การได้ยินไม่ชัดเจน ผลมาจากประสาทหูเสื่อม หูตึง ต้องพูดเสียงดังถึงจะได้ยิน
กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง เรี่ยวแรงลดลง
ผิวหนัง ผิวหนังเหี่ยวย่น และหย่อนคล้อย การสร้างเม็ดสีลดลง ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย ชั้นผิวหนังบางลง
กระดูก กระดูกพรุน โดยผู้หญิงมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย โดยมักจะเกิดหลังจากหมดประจำเดือน หรือประมาณ 65 ปี หากส่วนสูงลดลงจากตอนเป็นหนุ่มสาวมากกว่า 4 เซนติเมตร ควรพบแพทย์ เพราะอาจเสี่ยงเป็นภาวะกระดูกพรุนได้
หัวใจ ผู้สูงอายุมีอาการเหนื่อยง่าย เนื่องจากการบีบตัวของหัวใจลดลง และมีโอกาสที่จะเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบได้ง่ายระบบหายใจ ความจุของปอดลดลง ทำให้เหนื่อยหอบได้ง่าย
ทางเดินอาหาร เนื่องจากฟันร่วง และหลุด ทำให้การเคี้ยวอาหารลำบากขึ้น เคี้ยวไม่ละเอียด ทำให้มีอาการท้องผูก อีกทั้งกระเพาะอาหารมีการหลั่งน้ำย่อยน้อยลง ทำให้การดูดซึมสารอาหารลดลงตามไปด้วย ทำให้ขาดสารอาหาร
การปัสสาวะ ความจุกระเพาะปัสสาวะลดลงทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น ในเพศชายมีต่อมลูกหมากกโตขึ้น ทำให้ปัสสาวะขัด ต้องเบ่งนาน
ภูมิคุ้มกัน เมื่ออายุมากขึ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะทำงานลดลง ผู้สูงอายุจึงติดเชื้อได้ง่าย ทำให้ป่วยได้ง่าย
ระบบประสาท ความสามารถในการจำลดลง ความคิดช้าลง จำอะไรไม่ค่อยได้ หากการหลงลืมมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประวัน ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจมีภาวะสมองเสื่อม
การดูแลผู้สูงอายุและส่งเสริมสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุ
การดูแลผู้สูงอายุและส่งเสริมให้มีสุขภาพดีนั้น นอกจากครอบครัวแล้ว และตัวผู้สูงอายุเองถือว่ามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุให้มีสุขภาพที่ดี และร่างกายแข็งแรง โดยมี 4 ข้อที่จำเป็นดังนี้
ระบบหายใจ ความจุของปอดลดลง ทำให้เหนื่อยหอบได้ง่าย
ทางเดินอาหาร เนื่องจากฟันร่วง และหลุด ทำให้การเคี้ยวอาหารลำบากขึ้น เคี้ยวไม่ละเอียด ทำให้มีอาการท้องผูก อีกทั้งกระเพาะอาหารมีการหลั่งน้ำย่อยน้อยลง ทำให้การดูดซึมสารอาหารลดลงตามไปด้วย ทำให้ขาดสารอาหาร
การปัสสาวะ ความจุกระเพาะปัสสาวะลดลงทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น ในเพศชายมีต่อมลูกหมากกโตขึ้น ทำให้ปัสสาวะขัด ต้องเบ่งนาน
ภูมิคุ้มกัน เมื่ออายุมากขึ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะทำงานลดลง ผู้สูงอายุจึงติดเชื้อได้ง่าย ทำให้ป่วยได้ง่าย
ระบบประสาท ความสามารถในการจำลดลง ความคิดช้าลง จำอะไรไม่ค่อยได้ หากการหลงลืมมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประวัน ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจมีภาวะสมองเสื่อม
การดูแลด้านอาหาร เนื่องจากฟันผู้สูงอายุไม่แข็งแรง และมักมีปัญหาฟันหลุด ร่วง ทำให้การเคี้ยวอาหารเป็นไปได้ลำบาก เคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด ดังนั้นอาหารของผู้สูงอายุ ควรมีความอ่อนและนุ่ม เพื่อที่จะให้ผู้สูงอายุเคี้ยวได้ง่ายขึ้น และควรมีสารอาหารที่เพียงพอ สะอาดและถูกสุขลักษณะ โดยสารอาหารที่จำเป็นต่อผู้สูงอายุได้แก่ โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ต่าง ๆ เส้นใยอาหาร
การออกกำลังกาย เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อของผู้สูงอายุที่ลดลง กระดูกที่เปราะบางขึ้น การออกกำลังกายในผู้สูงอายุควรระมัดระวังมากขึ้น ออกกำลังกายแต่พอดี ไม่ควรหักโหมจนเกินไปเพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุมีดังนี้ การเดิน หรือวิ่งช้า ๆ โยคะ ปั่นจักรยาน รำมวยจีน เต้นแอโรบิค
ความเครียดและวิตกกังวล ความเครียดในผู้สูงอายุเกิดขึ้นได้ปลายปัจจัย ด้านร่างกาย ด้านจิตใจ ด้านสังคม โดยวิธีที่เหมาะสมที่จะกำจัดความเครียดคือการยอมรับ และเข้าใจถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ครอบครัวหรือคนใกล้ตัวต้องคอยรับฟัง และให้คำปรึกษาให้ผู้สูงอายุได้ระบายความรู้สึกต่าง ๆ และหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายความเครียด เช่น ดูหนัง ฟังเพลง หรือให้ผู้สูงอายุได้พบปะเพื่อนฝูง ในวัยเดียวกัน
การป้องกันอุบัติเหตุและอันตราย ที่อาจเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ การหกล้ม ลื่นล้มถือเป็นอุบัติเหตุที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ มากกว่าอุบัติเหตุชนิดอื่น ๆ ซึ่งการหกล้มอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา กระดูกแตกหัก เลือดคั่งในสมอง บางรายอาจถึงขั้นพิการ หรือเสียชีวิต สาเหตุมักเกิดจากการทรงตัวที่ไม่ดี ขาอ่อนแรง มีอาการหน้ามืด หรือเกิดจากการที่พื้นลื่น สะดุดสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้าน โดยวิธีป้องกันคือ การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง การใช้ไม้เท้าช่วยเดิน ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ป้องกันการเกิดอาการหน้ามืด และที่สำคัญควรปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้เหมาะสม ไม่ควรมีพื้นต่างระดับมากเกินไป เพิ่มแสงสว่างภายในบ้าน ไม่วางของแกะกะ และมีแผ่นกันลื่นในห้องน้ำ
ปัญหาทางด้านจิตใจของผู้สูงอายุ มักเกิดจากการสูญเสียความสามารถในการเป็นที่พึ่ง ภาวะผู้นำ การที่บุตรหลานเติบโต แยกย้ายไปมีครอบครัว ความวิตกกังวลในสภาพร่างกายที่ถดถอย เป็นต้น และด้วยการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ผู้สูงอายุมีแนวโน้มเหมือนเด็กที่ต้องการพึ่งพาอาศัย และการดูแลจากผู้อื่นอยู่เสมอปัญหาสุขภาพทางจิตของผู้สูงอายุ
ความวิตกกังวล กลัวถูกทอดทิ้ง คิดมากเรื่องในอดีต กังวลเรื่องสุขภาพร่างกายที่ถดถอยลง ไม่เหมือนเดิม
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ เอาแต่ใจ จู้จี้ขี้บ่น และมักขี้น้อยใจ
สัญญาณบ่งชี้ว่าผู้สูงอายุจำเป็นต้องได้การดูแลสุขภาพจิตอย่างใกล้ชิด
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เบื่อหน่าย รู้สึกเหงา รู้สึกไร้ค่า ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เก็บตัวจากสังคมรอบข้าง ไม่อยากทำอะไร ขาดกำลังใจ หรืออาจมีโรคต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และอาการเหล่านี้อาจนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุได้ โดยลูกหลานควรพยายามปรับตัวเพื่อที่จะเข้าใจคนวัยนี้เพิ่มมากขึ้น โดยการทำให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมกับครอบครัว พูดคุย และรับฟังปัญหาต่างๆ คอยดูแลใส่ใจในสุขภาพ รวมถึงการพาไปพบแพทย์
การดูแลผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพจิต
การที่จะทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นนั้น ต้องการศัยการดูแล และเอาใจใส่จากคนในครอบครัวเป็นพิเศษ โดยการดูแลผู้สูงอายุด้านจิตใจสามารถทำได้ดังนี้การช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า เช่นการไปขอคำแนะนำ และคำปรึกษา ขอความช่วยเหลือให้ดูแลควบคุมภายในบ้าน ปรึกษาเรื่องการเลี้ยงดูบุตรหลาน
หรือการกล่าวชื่นชม เล่าเหตุการณ์ประทับใจต่อผู้สูงอายุ
ระมัดระวังคำพูด และการกระทำต่อผู้สูงอายุ เช่นการกล่าวทักทาย สวัสดี เชิญรัปประทานอาหารก่อน
หากิจกรรมทำร่วมกัน เช่นการ ไปวัดทำบุญ โดยลูกหลานช่วยเตรียมของให้ พาไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา หรือไปทานอะไรอร่อย ๆ
อุปกรณ์ที่ช่วยดูแลผู้สูงอายุ
การดูแลผู้สูงอายุ ต้องมีความเอาใจใส่ ทุ่มเท และอดทน เสียสละเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่ต้องดูแลอาการป่วยให้หายดี แต่ยังต้องดูแลสุขภาพจิตใจของผู้ป่วยอีกด้วย ทำให้ผู้ดูแลมีอาการเหนื่อยล้าเป็นธรรมดา อุปกรณ์เสริมจึงเป็นตัวเลือกอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการดูผู้สูงอายุ เพื่อความปลอดภัย และช่วยผ่อนแรงของผู้ดูแลได้
ผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือระดับ 1-2
ต้องการความช่วยเหลือในบางส่วน เช่น การเดิน และการขับถ่ายอุปกรณ์ที่ช่วยในการอำนวยความสะดวก : เตียงนอนที่มีราวข้างเตียง และสามารถปรับระดับได้ หรือเตียงผู้ป่วยไฟฟ้า ที่นอนโฟมป้องกันแผลกดทับ รถเข็นผู้ป่วย กระโถนสำหรับผู้ป่วย รถเข็นอาบน้ำและนั่งถ่าย กระบอกใส่ปัสสาวะ
การดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญ แต่หลายคนมักจะให้ความสำคัญกับการดูแลผู้สูงอายุทางด้านร่างกาย แต่มองข้ามเรื่องจิตใจของผู้สูงอายุไป ดังนั้น การดูแลผู้สูงอายุที่ดี ควรจะดูแลร่างกายควบคู่่ไปกับจิตใจด้วย เพราะจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมกับมีจิตใจที่มีความสุขนะคะ
ใครมีผู้สูงอายุที่ต้องดูแล ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งวิกฤติเศรษฐกิจรุนแรง การป้องกันดูจะเป็นยาขนานเอกที่ได้ผลเกินคาด เพราะสุขภาพดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
ข้อแนะนำจาก อ.นพ.สมบูรณ์ อินทลาภาพร ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่ได้เขียนบรรยายไว้อย่างน่าสนใจว่า
1.เลือกอาหาร วัยนี้ร่างกายมีการใช้พลังงานน้อยลงจากกิจกรรมที่ลดลง จึงควรลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และไขมัน ให้เน้นอาหารโปรตีนจากเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะปลา และเพิ่มแร่ธาตุที่ผู้สูงอายุมักขาด ได้แก่ แคลเซียม สังกะสี และเหล็ก ซึ่งมีอยู่ในนม ถั่วเหลือง ผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆ และควรกินอาหารประเภทต้ม นึ่ง ย่าง อบ แทนประเภทผัด ทอด จะช่วยลดปริมาณไขมันในอาหารได้ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด เค็มจัด และดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน
2.ออกกำลังกาย หากไม่มีโรคประจำตัวแนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิกสัก 30 นาทีต่อครั้ง ทำให้ได้สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง จะเกิดประโยชน์ต่อหัวใจและหลอดเลือดอย่างมาก โดยขั้นตอนการออกกำลังกายจะต้องค่อยๆ เริ่ม มีการยืดเส้นยืดสายก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มความหนักขึ้นจนถึงระดับที่ต้องการ ทำอย่างต่อเนื่องจนถึงระยะเวลาที่ต้องการ จากนั้นค่อยๆ ลดลงช้าๆ และค่อยๆ หยุด เพื่อให้ร่างกายและหัวใจได้ปรับตัว
3.สัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์ จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคได้ อาจเป็นสวนสาธารณะใกล้ๆ สถานที่ท่องเที่ยว หรือการปรับภูมิทัศน์ภายในบ้านให้ปลอดโปร่ง สะอาด อากาศถ่ายเทสะดวก มีการปลูกต้นไม้ จัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้เหมาะสม เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค และสามารถช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืดได้
4.หลีกเลี่ยงอบายมุข ได้แก่ บุหรี่และสุรา จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรค หรือลดความรุนแรงของโรคได้ ทั้งลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และยังช่วยป้องกันปัญหาอุบัติเหตุ อาชญากรรมต่างๆ อันเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมในขณะนี้
5.ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยเลือกกิจกรรมให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลและโรคที่เป็นอยู่ ส่งเสริมสุขภาพให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรง ปรับสภาพแวดล้อมในบ้านให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือการหกล้ม
6.ควบคุมน้ำหนักตัวหรือลดความอ้วน โดยควบคุมอาหารและออกกำลังกายจะช่วยทำให้เกิดความคล่องตัว ลดปัญหาการหกล้ม และความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม และโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น
7.หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม เช่น การซื้อยากินเอง การใช้ยาเดิมที่เก็บไว้มาใช้รักษาอาการที่เกิดใหม่ หรือรับยาจากผู้อื่นมาใช้ เนื่องจากวัยนี้ประสิทธิภาพการทำงานของตับและไตในการกำจัดยาลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดพิษจากยาหรือผลข้างเคียงอาจมีแนวโน้มรุนแรง และเกิดภาวะแทรกซ้อนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ฉะนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาจะดีที่สุด
8.หมั่นสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย เช่น คลำได้ก้อน โดยเฉพาะก้อนโตเร็ว แผลเรื้อรัง มีปัญหาการกลืนอาหาร กลืนติด กลืนลำบาก ท้องอืดเรื้อรัง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ไอเรื้อรัง ไข้เรื้อรัง เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอกหรือถ่ายอุจจาระผิดปกติ มีอาการท้องเสียเรื้อรัง ท้องผูกสลับท้องเสีย ถ้าอย่างนี้ล่ะก็พามาพบแพทย์ดีที่สุด
9.ตรวจสุขภาพประจำปี แนะนำให้ตรวจสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี หรืออย่างน้อยทุก 3 ปี โดยแพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหาปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดแข็ง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง ตรวจหาโรคมะเร็งที่พบบ่อย ได้แก่ มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และยังมีตรวจการมองเห็น การได้ยิน ตลอดจนประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุด้วย
สอบถามจองคิว
สอบถามจองคิว