ซ่อมคลัชนอกสถานที่ฉะเชิงเทรา โทร 061-1586756
หมวดหมู่สินค้า: rtd62 ซ่อมรถยนต์นอกสถานที่
09 เมษายน 2565
ผู้ชม 79 ผู้ชม
ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ฉะเชิงเทรา เกิดรถยนต์เราเสียกลางทาง ขับไม่ได้ และไม่รู้ว่าอู่ซ่อมรถแถวนั้นอยู่ที่ไหน โทรเรียกเราซิค่ะ เราคือ รถยก รถลากจูง รถสไลด์
อู่ซ่อมรถฉะเชิงเทรา บริการซ่อมรถยนต์นอกสถานที่
ซ่อมไดนาโมนอกสถานที่ฉะเชิงเทรา
ซ่อมคลัชนอกสถานที่ฉะเชิงเทรา
ซ่อมเกียร์นอกสถานที่ฉะเชิงเทรา
ซ่อมเบรคนอกสถานที่ฉะเชิงเทรา
ซ่อมหม้อน้ำนอกสถานที่ฉะเชิงเทรา
สายพานขาดสายพานนอกสถานที่ฉะเชิงเทรา
น๊อตล้อขาดล้อมีปัญหานอกสถานที่ฉะเชิงเทรา
ระบบไฟนอกสถานที่ฉะเชิงเทรา
บริการซ่อมรถนอกสถานที่ฉะเชิงเทรา
ช่างซ่อมรถฉะเชิงเทรา รับซ่อมเครื่องยนต์ วางเครื่อง ท่อไอเสีย ช่วงล่างเบรคครัช รับซ่อมเครื่องยนต์ดีเซล ยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์สูง ผ่านการอบรมด้านเทคนิค อะไหล่ การซ่อมบำรุงให้ใช้งานได้มาตรฐานจากผู้ผลิต
อู่ซ่อมรถยนต์ฉะเชิงเทรา รับซ่อมไฟแบตโชว์ ไดไม่ชาร์จ รถสตาร์ทไม่ติด ไดสตาร์ทเสีย บริการเปลี่ยนถึงที่
ทุกๆ อาการ ที่รถยนต์เสีย รถยนต์สตาร์ทไม่ติด ไดชาร์จเสีย ไดสตาร์ทเสีย แบตหมด ต้องการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ บริการซ่อมรถยนต์รวดเร็ว และทันใจท่าน ทันที
ช่างระบบไฟรถยนต์ฉะเชิงเทรา
แบตหมด รถสตาร์ทไม่ติด แบตเสื่อม แบตเสียเก็บไฟไม่อยู่ ขายแบตเตอรี่รถยนต์ บริการรับซ่อมไดนาโม ไดชาร์ท ไดสตาร์ท ซ่อมมอเตอร์เสีย ระบบไฟรถยนต์
แบตหมด รถสตาร์ทไม่ติด แบตเสื่อม แบตเสียเก็บไฟไม่อยู่ ขายแบตเตอรี่รถยนต์ บริการรับซ่อมไดนาโม ไดชาร์ท ไดสตาร์ท ซ่อมมอเตอร์เสีย ระบบไฟรถยนต์
ศูนย์บริการแบตเตอรี่รถยนต์ฉะเชิงเทรา
เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ บริการพ่วงแบต จั๊มแบตเตอรี่รถยนต์ นอกสถานที่ ด้วยเครื่องจั๊มสตาร์ทคุณภาพสูง บริการรวดเร็ว ทุกพื้นที่
รายการค่าซ่อมรถมือสองเบื้องต้นที่จำเป็นต้องรู้และเข้าใจ
รายการค่าซ่อมรถมือสอง หากมีความเข้าใจก็จะเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อรถ การเข้าใจวิธีการซ่อม ก็จะช่วยประหยัดเงินค่าซ่อมได้อย่างมากเช่นกัน ซึ่งรถมือสองจะมีค่าซ่อมมากน้อยต่างกันไป ตามอายุการใช้งานของรถ สภาพรถ แต่ก็มีวิธีลดรายจ่ายในส่วนนี้ลงได้อย่างมาก
กรณีของรถใหม่ป้ายแดง การซ่อมบำรุงจะทำตามระยะทาง และเจ้าของรถก็มักจะซ่อมบำรุงอย่างดี เพราะยังรักรถ ยังเห่อรถรถใหม่สภาพก็สมบูรณ์อยู่แล้ว การดูแลอย่างดี รถก็จะยิ่งอยู่ในสภาพดี แต่บางคนก็ใช้แบบไม่สนใจ เพราะเน้นเปลี่ยนรถทุก 5 ปี รถแบบนี้อาจจะใช้แบบไม่มีการซ่อมบำรุงหรืออย่างมากก็เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเท่านั้น ไม่ทำอะไรมาก
การซ่อมรถใหม่ป้ายแดงจะมีคู่มือ ซึงก็จะซ่อมไปตามระยะทาง ตัวอย่างรถ Honda City หากซ่อมไปตามนี้รถก็จะอยู่ในสภาพดีและเมื่อใช้รถเกิน 200,000 กิโลเมตรแล้ว ก็มาเริ่มวนซ้ำใหม่ เช่น
1. 210,000 กิโลเมตร ก็เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และแหวนรองน้ำมันเครื่อง
2. 220,000 กิโลเมตร เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง แหวนรองน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมันเครื่อง และไส้กรองอากาศและกรองแอร์
3. ทุก 10,000 กิโลเมตร ก็วนซ่อมไปตามนั้น ตามรายการต่างๆ
สำหรับรถยนต์ใหม่ เริ่มตั้งแต่การซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดง หากดูแลซ่อมบำรุงแบบนี้ไปตลอดอายุการใช้งาน รถจะอยู่ในสภาพดีบางคันใช้งานเกิน 500,000 กิโลเมตร โดยไม่มีปัญหาใดๆ
สรุปจากตารางการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ใหม่
จากตารางการซ่อมบำรุงรถใหม่ อาจจะปรับได้ดังนี้
1. การ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และแหวนรองน็อตถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตร
2. การเปลี่ยน กรองน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนทุก 20,000 กิโลเมตร
3. การเปลี่ยนไส้กรองอากาศ แอร์ เปลี่ยนทุก 20,000 กิโลเมตร
4. การเปลี่ยน ไส้กรองอากาศ เปลี่ยนทุก 30,000 กิโลเมตร
5. การเปลี่ยนน้ำมันเบรค เปลี่ยนทุก 60,000 กิโลเมตร
6. การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ธรรมดา และแหวนถ่ายน้ำมันเกียร์ เปลี่ยนทุก 60,000 กิโลเมตร
7. การเปลี่ยนน้ำมันเบรค เปลี่ยนทุก 60,000 กิโลเมตร
8. การเปลี่ยน กรองน้ำมันเชื้อเพลิง เปลี่ยนทุก 80,000 กิโลเมตร
9. การเปลี่ยน หัวเทียน เปลี่ยนทุก 100,000 กิโลเมตร
10. สำหรับรถที่ใช้สายพานทามมิ่ง มักจะระบุให้เปลี่ยนทุก 100,000 กิโลเมตร เช่นกัน
11. การเปลี่ยนน้ำยาหม้อน้ำจะเปลี่ยนทุก 200,000 กิโลเมตร
การซ่อมรถยนต์มือสอง
ความแตกต่างการซ่อมบำรุงรถใหม่ป้ายแดงและรถมือสองจะอยู่ที่ การซ่อมรถมือสองนั้นจะซ่อมไปตามอาการ หรือปัญหาที่เกิดกับรถ มักจะไม่ซ่อมตามระยะทาง ผลที่ตามมาจึงทำให้รถมือสองมีปัญหามากกว่ารถใหม่ป้ายแดง จะไม่มีปัญหาได้อย่างไรในเมื่อใช้อย่างเดียว ไม่ซ่อมบำรุง มันก็ต้องมีปัญหา เครื่องบินใช้งานเป็นสิบปี ทำไมยังใช้งานได้ เพราะซ่อมบำรุงอย่างดี รถยนต์มือสองหากปฏิบัติแบบเดียวกัน ก็ย่อมจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนกันนั่นเอง
การซ่อมบำรุงเบื้องต้นเหมือนรถใหม่
1. ซ่อมตามรายการซ่อมพื้นฐานทั้งหมด เหมือนรถใหม่ เช่น เปลี่ยนทุกรายการ ค่าอะไหล่ประมาณ 5,334 บาท แต่ต้องซื้ออะไหล่เองทุกชิ้น ก็จะได้ราคานี้ หากขับรถเข้าอู่นอก อู่ที่ไหนก็ตามที่ไม่ใช่ศูนย์รถ จะบวกราคาอะไหล่เพิ่มอีกประมาณเท่าตัวก็จะต้องเสียค่าอะไหล่ประมาณ 5,334 x 2 = 10,668 บาท
2. ค่าแรงกรณีเข้าศูนย์รถยนต์นั้นๆ จะคิดเป็นเงินประมาณหลักพันบาท แต่อู่นอกจะไม่แพงขนาดนี้ อาจจะเหมารวมไปเลยอย่างอู่ประจำที่ผู้เขียนซ่อมนั้นจะไม่เกิน 500 บาท เพราะไม่ใช่รายการที่เปลี่ยนที่ยุ่งยากอะไร อู่เล็ก ค่าแรงถูก อู่มีลูกน้องค่าแรงก็สูงขึ้น อู่ใหญ่มาก ค่าแรงก็สูงมาก เพราะต้องเอาเงินไปจ่ายให้ลูกน้อง ดังนั้นต้องหาอู่เล็กๆ เจ้าของทำเองคนเดียว มักจะเหมาค่าแรง ไม่คิดแยกเป็นจุดๆ เหมือนอู่ใหญ่หรือศูนย์
3. การซื้ออะไหล่กับร้านใหญ่ๆ ในตัวจังหวัด อะไหล่ชิ้นใดไม่ใช้ จะคืนได้ ไม่เสียเงิน ได้เต็มจำนวน ไม่แน่ใจว่ามีอะไรต้องเปลี่ยนบ้าง ก็จัดการเหมามาทั้งหมดเลย
ซ่อมเปลี่ยนชิ้นส่วน อะไหล่ที่ชำรุด
การซ่อมส่วนนี้จะดูว่ามีอะไรชำรุด เสื่อมสภาพบ้างก็จะจัดการไปตามนั้น โดยจะซื้ออะไหล่เอง เช่นกัน เพื่อความประหยัด ห้ามไปใช้บริการกับอู่นอกอย่างเด็ดขาด เพราะจะบอกราคาอะไหล่เพิ่มเท่าตัว การซื้ออะไหล่อาจจะมีรายจ่ายสูง แต่ร้านอะไหล่ส่วนใหญ่จะสามารถคืนได้ โดยจะได้เงินคืนเต็มจำนวน ดังนั้นก็เหมาเอามาเลย รายจ่ายส่วนนี้ทั้งหมด หลักหมื่นบาท
1. ช่วงล่าง ลูกยาง ลูกหมาก โช้ค ยางมีราคาแพงที่สุด หากยังไม่พร้อมจะเปลี่ยนก็ต้องเลือกรถที่ยังใช้ไม่หมดอายุ ดูเลขการผลิตยาง จะเป็นสัปดาห์และปีผลิต หรือเอาเล็บจิกดอกยาง ถ้าแข็งแล้วก็หมดสภาพ รายจ่ายส่วนนี้หากต้องทำทั้งยาง โช้ค ลูกหมาก จะมีรายจ่ายเกิน 15,000 บาท อยู่ที่ราคายาง รถเล็กๆ อย่างรถเก๋ง ยางขนาด 14 นิ้ว จะไม่เกินหมื่น
2. ระบบระบายความร้อน หม้อน้ำ วาล์วน้ำ ปั๊มน้ำ ท่อน้ำ ส่วนนี้ให้เปิดฝาหม้อน้ำ แล้วดูสีของน้ำ หากมีสีแดง ก็เตรียมเงินไว้เลย 5000 บาทขึ้นไป
3. สายพานทามมิ่ง ในรถเก๋งเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้สายพานทามมิ่ง จะต้องเปลี่ยนทุก 100,000 กิโลเมตร รถที่ได้มานั้นหากไม่รู้ประวัติก็ต้องเปลี่ยนทันที ส่วนนี้จะมีรายจ่ายอื่นๆ ด้วย รวมแล้ว ประมาณ 10,000 บาท เช่น ซีลข้อเหวี่ยง ปั๊มน้ำน้ำมันเครื่อง ชุดสายพานทามมิ้งทั้งหมด
4. ระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่ ไดชาร์จ ไดสตาร์ท ไฟ สวิทซ์ต่างๆ ส่วนนี้ไม่เกิน 5000 บาท หากไม่รู้ว่าเจ้าของเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อใด ก็ต้องรอให้แบตเตอรี่เสื่อม ซึ่งรถจะสตาร์ทไม่ติด ก็เป็นอันรู้กัน
5. ระบบแอร์ หากแอร์ไม่เย็น ก็ต้องตรวจสอบให้ดีเสียก่อน ส่วนนี้มีรายจ่าย 5000 บาทขึ้นไป หาคอมแอร์หรือคอยล์เย็นแอร์เสีย แต่หากแค่เติมน้ำยาแอร์ ก็หลักร้อยบาท