โรงหล่อพระ พระพุทธรูป ทุกขนาด ทุกแบบ รับสั่งทำตามต้องการ รับหล่อพระตามแบบประสบการณ์กว่า 40ปี หล่อพระพุทธรูป บริการ หล่อพระประธาน หล่อพระตามแบบ
ช่างบูรณะองค์พระพุทธรูปกระบี่
ช่างจิตรกรรมฝาผนังกระบี่
ช่างสีบูรณะโบสถ์กระบี่
น้ำตกหินเทียมกระบี่
น้ำตกจำลองกระบี่
ปั้นหุ่นรูปเหมือนกระบี่
น้ำตกจำลองกระบี่
ปั้นหุ่นรูปเหมือนกระบี่
ไฟเบอร์กลาสกระบี่
ช่างปั้นหุ่นขี้ผึ้งกระบี่
ช่างหล่อโลหะกระบี่
งานหล่อทองเหลืองกระบี่
ช่างปั้นหุ่นขี้ผึ้งกระบี่
ช่างหล่อโลหะกระบี่
งานหล่อทองเหลืองกระบี่
ช่างโรงหล่อพระ ปั้นหินเทียม
- ช่างปิดทองกระบี่ - ช่างปิดกระจก - ช่างลายปูนปั้น - ช่างจิตรกรรมฝาผนัง - ช่างดีดโบสถ์
- ช่างทำลายรดน้ำปิดสีทองคำเปลว. บริการแนะนำช่างฝีมืองานวัด
ยกโบสถ์กระบี่ ดีดโบสถ์ ย้ายโบสถ์ หมุนโบสถ์ เสริมฐานรากโบสถ์ แก้ไขโบสท์ทรุดตัว ซ่อมโบสถ์ทรุด ยกอาคาร
โรงหล่อพระกระบี่ ไฟเบอร์กลาส หล่อพระ รับปั้นรูปเหมือนกระบี่ งาน ประติมากรรม รูปหล่อไฟเบอร์พระ หุ่นขี้ผึ้ง ไฟเบอร์กลาสราคา หุ่นไฟเบอร์กลาส ช่างปั้นพระพุทธ รูปรับทำหุ่นขี้ผึ้ง สร้าง พระประธาน รับหล่อพระ รับปั้นหุ่น หุ่นขี้ผึ้ง พระเกจิ รับปั้นพระพุทธรูป
วิธีการดูพระเครื่อง “พระแท้-พระเก๊”
วันนี้ขอเอาใจคนชอบพระเครื่อง มีเทคนิคเบื้องต้นในการแยก "พระแท้-พระเก๊" ซึ่งปัจจุบันก็แยกยากมาก เพราะพระเก๊นั้นก็ทำได้เหมือนพระแท้เหลือเกิน แถมบางทียังปลอม "สวยกว่าของแท้" เสียอีกaขั้นตอนการสร้าง
ขั้นตอนการปั้นหุ่น
ช่างปั้นโบราณจะใช้ดินเหนียวคุณภาพดีมีสีเหลืองเรียกว่า “ดินขี้งูเหลือม” นวดผสมกับทรายละเอียด โดยการเหยียบให้เข้ากัน จากนั้นจึงเริ่มปั้นส่วนต่างๆ ขึ้นมาเป็นองค์พระ ถ้าเป็นการปั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ อาจต้องปั้นส่วนต่างๆ ของพระวรกายแยกกัน เช่น นิ้วพระหัตถ์ นิ้วพระบาท พระกรรณ รัศมี และเม็ดพระศก แล้วจึงนำมาประกอบกันในภายหลัง แล้วตกแต่งองค์พระทั้งด้านนอกและแกนในให้ได้สัดส่วนสวยงามเกลี้ยงเกลาตามศิลปะสมัยนิยม
เมื่อปั้นหุ่นหรือพิมพ์ได้รูปแล้วก็มาถึงขั้นตอน การเข้าขี้ผึ้ง นับเป็นงานฝีมืออีกอย่างหนึ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญอย่างมาก (ขี้ผึ้งทำมาจากรังผึ้งที่ต้มเคี่ยวจนนิ่มติดมือ แล้วนำไปผสมกับยางชันกรองด้วยผ้าขาวบางจนได้เนื้อขี้ผึ้งละเอียด) แช่พิมพ์ในน้ำสักพัก จากนั้นทาดินเหนียวบางๆ ทั้งสองด้านของพิมพ์เพื่อเคลือบให้ผิวดินและทรายเป็นเนื้อเดียวกัน กรอกขี้ผึ้งลงไปในพิมพ์ให้เต็มแล้วเทออกใส่อ่างน้ำ ในกระบวนการนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากความร้อนจากขี้ผึ้งหลอมละลายมีอานุภาพทำให้มือและนิ้วแดงพองได้
ปั้นขี้ผึ้งที่เทลงอ่างเป็นแท่งกลมยัดลงพิมพ์ให้แน่นที่สุด ใช้มีดเฉือนขี้ผึ้งส่วนเกินออก แช่พิมพ์ลงในน้ำสักพักก็สามารถแกะแบบพระพิมพ์ขี้ผึ้งออกมาได้ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ จะใช้วิธีตีลาย คือนำขี้ผึ้งวางบนลายพิมพ์แล้วใช้ไม้รวกบดขี้ผึ้งจนเป็นลายตัดออกมาประกอบกับองค์พระ
ก่อนนำไปหล่อต้องทามูลวัวลงบนหุ่นพระขี้ผึ้งเสียก่อน เพื่อให้เนื้อของแบบพิมพ์เรียบสนิท ที่สำคัญคือช่วยรักษาความชัดเจนของรูปร่างและลวดลายขององค์พระไว้อย่างดีด้วย (ส่วนผสมที่เรียกว่ามูลวัว คือ การนำมูลวัวสดๆ มาคั้นเอาแต่น้ำ กรองด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นนำมาผสมกับดินนวล) ทามูลวัวลงบนหุ่นพระขี้ผึ้งซ้ำไปซ้ำมา 3 ชั้น ตอกทอยเข้าไปในหุ่นเพื่อรับน้ำหนักให้สมดุลกัน (ทอยส่วนใหญ่มักทำด้วยเหล็ก) หุ่นที่ทามูลวัวเมื่อแห้งดีแล้วนำมาพอกด้วยดินเหนียวผสมทรายให้ทั่วอีกรอบ ก่อนนำออกผึ่งลมหรือตากแดดให้แห้งสนิท
กรรมวิธีต่อไป คือ การเข้าลวด ขั้นตอนนี้เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญเพราะลวดที่พันรอบหุ่นคือเกราะป้องกันการแตกตัวของดินเมื่อได้รับความร้อน หุ่นพระจะเสียหายและอาจต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่หากดินแตก เมื่อผูกเหล็กเรียบร้อยแล้ว นำดินเหนียวพอกทับแม่พิมพ์อีกครั้งให้มิดลวด ขั้นตอนนี้เรียกว่า ทับปลอก จากนั้นจึงปั้นปากจอกหรือชนวนปิดบริเวณปากทางที่จะเททอง
ขั้นตอนการหล่อพระพุทธรูป
ภาษาช่างเรียกขั้นตอนการหล่อพระพุทธรูปว่า “การเททอง” หมายถึง การสุมทองหรือหลอมโลหะ เช่น ทองเหลือง ทองแดง ทองสัมฤทธิ์ ให้ละลายเป็นของเหลวแล้วเทโลหะหรือทองนั้นลงในแม่พิมพ์ การหลอมโลหะนับเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยเวลาและความอดทน โดยเฉพาะทองแดง ต้องใช้เวลาหลอมละลายไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง
การหล่อพระนิยมใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงเผาหุ่นและใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิงในการหลอมโลหะ ก่อนเททองต้องทำการสุมไฟหุ่นให้ร้อนจัด เพื่อสำรอกขี้ผึ้งที่ปั้นเป็นหุ่นอยู่ภายในหลอมละลายไหลออกมาจากแม่พิมพ์ ทางช่องชนวนจนหมด และเผาแม่พิมพ์ต่อไปจนสุกพร้อมที่จะเททองหล่อพระได้
การหล่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่ต้องทำนั่งร้านสำหรับเททอง พระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่หรือมีความสูงมากๆ จะใช้วิธีหล่อเป็นสองท่อนแล้วนำมาประกบกัน เมื่อเผาแม่พิมพ์ได้ที่ขณะเดียวกับทองที่หลอมในเบ้าละลายดีแล้ว ก็เตรียมยกเบ้าทองไปเทลงในแม่พิมพ์ได้เลย การเททองต้องเทติดต่อกันมิฉะนั้นจะไม่ต่อเป็นเนื้อเดียว
ภายหลังการเททองเสร็จแล้วต้องปล่อยให้ทองในแม่พิมพ์เย็นตัวจึงจะจัดการทุบแม่พิมพ์ดินออกได้ รื้อแก้ลวดที่รัดแม่พิมพ์ออกให้หมด ถอนหรือตัดทอยออกแล้วใช้ตะไบหยาบขัดให้ทั่วทุกมุม พระพุทธรูปสำเร็จก็จะปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด
ขั้นตอนการปรับแต่งพระพุทธรูป
พระพุทธรูปเมื่อทุบแม่พิมพ์ออกแล้วผิวพื้นขององค์พระจะไม่เรียบ มีคราบเผาไหม้ปรากฏอยู่โดยทั่ว ดังนั้น เมื่อทำการหล่อแล้วจึงต้องมีการขัดแต่งผิวให้มันเงา ขั้นตอนการขัดมันในปัจจุบันนิยมใช้เครื่องขัดกดจี้กับองค์พระจนผิวเรียบเกลี้ยง จากนั้นเปลี่ยนผ้าขัดเงาให้เป็นผ้าที่มีความนิ่มปุยขัดต่อโดยใช้ยาขัดเงาสีแดงเป็นตัวเพิ่มความแวววาว จากนั้นจึงลงรักปิดทองด้วยการนำองค์พระล้างน้ำให้สะอาดก่อนลงรัก ใช้น้ำรักผสมสมุกบดให้เข้ากันจนข้นแข็งไม่ติดมือ นำน้ำรักมาเกลี่ยให้ทั่วองค์พระปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-20 วัน
อย่างแรกที่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระเครื่อง นั่นคือ ไม่มีสถาบันไหนเปิดสอนวิธีการดูพระแท้พระเก๊ ดังนั้นท่านต้องให้ความสนใจหมั่นศึกษาค้นหาข้อมูลเอง หรือการได้พูดคุยสนทนากับคนเล่นพระ เซียนพระเก่งๆ ที่จะช่วยให้คำแนะนำ พระเครื่องแต่ละประเภททั้งเนื้อผง, เนื้อดิน, พระเหรียญ ฯลฯ ก็จะมีวิธีดูที่แตกต่างกันออกไป เช่น ถ้าชอบพระเหรียญก็ต้องศึกษาเรื่องรอยตัดปั๊มขอบเหรียญ เซียนพระส่วนใหญ่ถ้าศึกษาในเรื่องใดก็จะเก่งในทางนั้น สำหรับคนที่ไม่ศึกษา หรือไม่มีข้อมูล ก็มักจะโดนหลอก อย่าลืมว่าพระเก๊นั้นปลอมได้แม้แต่ "ตำหนิ" ของพระ
คำแนะนำในการศึกษาอย่างง่ายๆ
- ศึกษาประวัติความเป็นมาให้ชัดเจน จำนวนการสร้าง วัสดุหรือเนื้อพระ อายุของวัสดุกี่ปี ความเสื่อมสภาพของวัสดุต้องมีความเก่าตามอายุการสร้าง รวมถึงกรรมวิธีการสร้างพระแต่ละพิมพ์แต่ละประเภทจะไม่เหมือนกัน ซึ่งถ้าศึกษาในจุดนี้ก็จะทำให้เราสามารถพิจารณาลักษณะพระแท้-พระเก๊ ได้ว่าแตกต่างกันตรงไหนอย่างไร
- ศึกษาจากรูปภาพ ถ้าไม่มีองค์จริงก็หาดูรูปไปก่อน โดยดูจากสื่อต่างๆ ที่เชื่อถือได้หรือซื้อรูปถ่ายพระมาดู ประกอบกับศึกษาประวัติที่มาไปด้วยจะทำให้เข้าใจได้เร็ว
- เช่าเพื่อศึกษาและใช้เทียบ หาเช่าพระจากเซียนหรือผู้ที่ไว้ใจได้เพื่อศึกษา
- พระแท้ไม่มีถูก ไม่ว่าจะราคาหลักร้อย จนถึงหลักแสน หรือหลักล้าน ก็มีปลอมหมด ถ้าดูไม่ละเอียดแต่ชอบเพราะราคาถูก อาจจะโดนของปลอมหลอกได้ อย่าซื้อพระเครื่องเพราะเห็นแก่ของถูก พระแท้ราคาถูกนั้นอาจมีแต่ก็น้อยมาก
วิธีการดูพระแท้-พระเก๊
1. ดูความเก่าของพระตามประเภท และความเสื่อมสภาพของวัสดุ จะต้องมีความเก่าแก่ตามอายุการสร้าง
2. พิมพ์ถูกต้อง
3. ตำหนิครบ
4. ความสมบูรณ์ขององค์พระ มีรอยบิ่น หัก ร้าว หรือไม่
5. ราคา ขึ้นอยู่กับระดับตลาดและความสมบูรณ์ขององค์พระ
การเล่นพระสมัยก่อนนั้นคนอาจคิดว่าการเช่าพระ ปล่อยพระ นั้นเป็นบาป แต่หากคุณเล่นพระอย่างถูกวิธี ผู้ขายประกอบอาชีพบนพื้นฐานซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ไปหลอกลวงใคร ไม่เอาของปลอมไปปล่อยขายใคร ก็ถือเป็นเจตนาดี และนำเงินจากการขายพระไปทำบุญใส่บาตรบ้าง ก็จะช่วยให้เกิดความสบายใจได้
สำหรับผู้ที่จะเข้ามาซื้อ-ขายพระเครื่อง นอกเหนือจากดูจากภาพถ่ายในเว็บไซต์แล้ว อย่าลืมนัดดูของจริงเพื่อพิจารณากันด้วยเน้อ