ข้อคิดในกรณีที่อยากจะดีดบ้าน คืออะไรบ้าง
26 กุมภาพันธ์ 2565
ผู้ชม 303 ผู้ชม
บริการช่างดีดบ้าน รับดีดบ้าน ยกบ้าน บ้านไม้ บ้านปูน เลื่อนบ้านตามหลักฮวงจุ้ย
แก้ไขบ้านทรุดเอียง บ้านไม้บ้านปูนอาคาร โดยทีมช่างมืออาชีพ ปัญหาบ้านต่ำ เสาคานชำรุด ผลงานช่างดีดบ้าน
ดีดบ้านไม้
ดีดบ้าน
ดีดบ้านปูน
รับยกบ้าน
ดีดบ้านราคา
รับยกบ้าน
ราคาดีดบ้าน
การดีดบ้าน
รับสร้างบ้าน
ยกบ้านไม้
ติดต่อสอบถาม
การปลูก บ้านชั้นเดียวยกสูง จะทำให้บ้านของคุณดูโปร่งโล่งมีอากาศถ่ายเทได้ง่ายกว่าแบบบ้านทั่วไปเนื่องจาก บ้านชั้นเดียวยกสูง นั้นจะมีใต้ถุนบ้านที่โล่งและที่สำคัญไปกว่านั้นคือคุณสามารถใช้พื้นที่ในส่วนนี้ทำประโยชน์ได้มากมายเช่นเป็นที่เลี้ยงสัตว์หรือเป็นที่นั่งผักผ่อนก็ดีเพราะใต้ถุนบ้านจะไม่ร้อนเหมือนในบ้าน และเย็นสบายทำให้คุณใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นด้วย
การปลูก บ้านชั้นเดียวยกสูง สามารถปลูกได้ทั้งพื้นที่ราบลุ่ม หรือที่ดอนสูง หากปลูกในพื้นที่ราบลุ่ม หรืออยู่ใกล้กับแม่น้ำนั้น ก็จะปลอดภัยจากสัตว์ร้าย หรือคนร้ายในยามค่ำคืน และยังเป็นการป้องกันน้ำท่วมถึงตัวบ้านอีกด้วยเนื่องจากการมีเสาบ้านที่สูงทำให้ตัวบ้านไม่มีผลกระทบต่อน้ำแน่นอน ที่สำคัญไปกว่านั้น เสน่ห์ของใต้ถุนบ้านยังเชื่อมโยงความสัมพันธ์ ระหว่างผู้คน ชาวบ้านมีการพึ่งพาอาศัยและทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันอยู่เสมอๆเป็นแบบบ้านที่เราใช้มาตั้งแต่อดีตและปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดีน็
1. ทำให้บ้านดูสูงโปร่งโล่งและดูสะอาดตา
2. การพัดของลมที่จะนำฝุ่นเข้าบ้านน้อยลงเนื่องจากตัวบ้านจะอยู่ด้านบนทำให้ฝุ่นเข้าน้อยกว่าบ้านชั้นเดียวแบบปกติ
3. สามารถซ่อนท่อระบบต่างๆ ไม่ให้เห็นด้วยตา
4. สามารถวางท่อกำจัดปลวกได้
5. ลดความชื้นจากดินได้เนื่องจากตัวบ้านอยู่ด้านบนไม่ติดกับดินจะทำให้ยืดอายุบ้านให้อยู่กับเราได้นานขึ้น
6. ช่วยไม่ให้บ้านโดนน้ำท่วมถึงได้เพราะตัวบ้านที่สูงกว่าระดับน้ำนั้นเอง
7. ช่วยป้องกันสัตว์เข้าบ้านได้เพราะสัตว์โดยส่วนใหญ่จะมาจากพื้นบ้านยกสูงจึงทำให้สัตว์ต่างๆเข้าบ้านได้ยากกว่าปกติ
8. ช่วยให้รับลมธรรมชาติได้ดีขึ้น
การสร้างบ้านชั้นเดียวยกสูงจะไม่เหมาะกับบ้านที่มีผู้สูงอายุหรือผู้พิการ เพราะจะทำให้การขึ้น-ลง ไม่สะดวก ดังนั้นการที่คุณจะสร้างบ้านสักหลังต้องคำนึงจากผู้อยู่อาศัยเป็นหลักก่อนว่าเหมาะกับรูปแบบบ้านที่เป็นแบบไหนควรที่จะต้องออกแบบบ้านที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครอบคลุมเพื่อมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแต่สำหรับใครที่กลัวจะใช้งานไม่สะดวกหากบ้านไหนมีผู้สูงอายุเราและอยากได้บ้านยกสูงควรที่จะต้องปรึกษาผู้รู้อย่างก็สถาปนิกเพื่อที่จะเลือกออกแบบให้มีการยกพื้นบ้านสูงขึ้นมาในระดับใดจึงจะเหมาะสมที่จะไม่สงผลกระทบไปถึงโครงสร้างบ้านในอนาคต
หลังเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 คำถามที่ถูกถามบ่อยที่สุดก็คือ อยากดีดบ้านให้สูงขึ้นเพื่อหนีน้ำท่วม ทำอย่างไรดีและค่าใช้จ่ายเท่าไร ซึ่งผมหรือวิศวกรอาสาก็มักจะต้องมีการทำความเข้าใจกับผู้สอบถามก่อนว่าการดีดบ้านต้องทำอย่างไร และสุดท้ายก็มักจะหยุด เพราะเมื่อทราบว่าค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงกว่าที่คาดไว้ค่อนข้างมาก
การดีดบ้านหรือยกบ้านนั้นเป็นการตัดยกโครงสร้างบ้านทั้งหลังให้สูงขึ้น แล้วเสริมเสากับตัวบ้านใหม่ลงบนฐานรากเดิมหรือฐานรากใหม่ที่มีการเสริมความแข็งแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งปกติจะต้องดำเนินการโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ในช่วงหลังนี้ความต้องการในการดีดหรือยกบ้านมีมากขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการดีดหรือยกบ้านสำหรับบริษัทที่มีมาตรฐานในการทำงาน มักจะคิ
ดค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นการทำงานที่ต้องอาศัยประสบการณ์สูงและมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก ทำให้มีช่างที่เคยรับจ้างดีดหรือยกบ้านตามต่างจังหวัด ซึ่งมักจะเป็นบ้านไม้มารับจ้างยกบ้านตามประสบการณ์เดิมที่เคยทำกันมา แต่การดีดบ้านที่เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กต่างจากการดีดบ้านไม้ค่อนข้างมาก เพราะน้ำหนักบ้านมีมากกว่าหลายเท่า และโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าโครงสร้างไม้ ดังนั้น จึงมีข่าวการทรุดตัวของบ้านขณะทำการยกจนมีผู้เสียชีวิตมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้น จึงอยากให้ข้อคิดในกรณีที่อยากจะดีดบ้าน ดังนี้
1. วิศวกรโครงสร้างที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถดีดอาคารได้แทบทุกชนิด ทั้งโครงสร้างไม้, คอนกรีตเสริมเหล็ก หรือแม้แต่โครงสร้างเหล็ก แต่อาคารที่เหมาะในการยก คืออาคารเป็นหลังเดี่ยว เช่น บ้านเดี่ยว ไม่เหมาะสำหรับตึกแถวหรือทาวน์เฮ้าส์ เพราะการดีดจะต้องทำทั้งหลัง ไม่สามารถทำเฉพาะส่วนได้ ส่วนตึกแถวหรือทาวน์เฮ้าส์ หากต้องการทำ ต้องทำพร้อมกันทั้งแถว
2. การดีดหรือยกอาคาร ตามกฎหมายแล้วถือเป็นการดัดแปลงอาคาร จำเป็นต้องมีการยื่นขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งตามกฎหมายต้องมีวิศวกรออกแบบและควบคุมงาน เพื่อรับผิดชอบการทำงานดังกล่าว
3. ระดับน้ำท่วมในปี 2554 ไม่ใช่ระดับน้ำท่วมที่สูงที่สุดเท่าที่จะมีได้ เนื่องจากน้ำท่วมดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดในการบริหารจัดการน้ำระดับประเทศ ดังนั้น หากเกิดความผิดพลาดขึ้นอีก ไม่สามารถตอบได้ว่าน้ำจะท่วมในบริเวณเดิมอีกหรือไม่ หรือจะท่วมแค่ไหน อาจจะมากกว่าที่เคยท่วมก็ได้ เพราะหลังเหตุการณ์น้ำท่วมแล้ว ส่วนราชการในแต่ละพื้นที่ก็ต้องจัดทำแผน เพื่อป้องกันพื้นที่ของตนเอง ดังนั้น ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า หากยกบ้านหนีน้ำแล้ว ระดับที่ยกนั้นจะเพียงพอ
4. การดีดบ้านขึ้น จะทำให้ต้องมีการเพิ่มบันได หรือทางลาดเพื่อขึ้นบ้าน ดังนั้น การใช้สอยของตัวบ้านจะผิดจากลักษณะในปัจจุบัน ซึ่งอาจไม่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุในการเข้าถึงตัวบ้าน เนื่องจากต้องเดินขึ้นบันไดที่ตามความสูงมากขึ้น
5. ค่าใช้จ่ายในการดีดบ้านค่อนข้างสูง เคยมีผู้ประเมินไว้ว่าประมาณครึ่งหนึ่งของราคาค่าก่อสร้างบ้านใหม่ขนาดเท่ากับบ้านที่จะดีด ดังนั้น ท่านเจ้าของบ้านควรพิจารณาว่า การดีดบ้านเพื่อให้สูงขึ้น แล้วได้บ้านเดิมสภาพเดิม เทียบกับการก่อสร้างบ้านใหม่เลย เพื่อให้ได้สภาพบ้านที่สมบูรณ์กว่า อย่างไหนคุ้มกว่ากัน
6. การดีดบ้านจำเป็นจะต้องใช้วิศวกรโครงสร้างผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แม้แต่วิศวกรบางท่านที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างทั่วไปก็ยังยากที่จะสามารถทำงานแบบนี้ได้ ดังนั้น หากต้องการจ้างผู้มาดำเนินการดีดบ้าน ขอให้ตรวจสอบประสบการณ์และบุคลากรให้ดีว่าสามารถทำได้จริง แนะนำว่าควรขอข้อมูลของบ้านที่บริษัทเคยยก แล้วลองโทรไปคุยว่าการบริการเป็นอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณา
ดีดบ้าน” กับ 5 ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง
ดีดบ้าน หรือ ยกบ้าน เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากหลังจากเหตุการณ์ปี 54 น้ำท่วมใหญ่หลายจังหวัด และยังคงเป็นฝันร้ายที่บางคนจำได้ไม่ลืม เพราะเกิดผลกระทบทำให้เสียทรัพย์สินจากน้ำท่วมเข้าบ้าน ประกอบกับสภาพภูมิประเทศของกรุงเทพฯและพื้นที่ชานเมืองโดยรอบเป็นที่ลุ่มต่ำแล้วยังถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ส่งผลให้เมื่อถึงฤดูมรสุมฝนตกหนัก บ้านที่อยู่ใกล้ริมน้ำมักจะประสบปัญหาน้ำท่วมเฉียบพลัน บางครั้งยังไม่ทันได้เก็บข้าวของน้ำก็เข้าถึงตัวบ้านแล้ว จากเหตุนี้เจ้าของบ้านหลายหลังจึงพยายามแก้ปัญหาด้วยวิธีการ “ดีดบ้าน” หรือ “ยกบ้าน” ขึ้นนั่นเองเพราะเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ในระยะยาวและเป็นทางออกที่คิดว่าดีที่สุด แต่ก่อนที่คุณจะไปว่าจ้างผู้รับเหมามาดีดบ้าน ควรที่จะศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อการดีดบ้านอย่างถ่องแท้และละเอียดรอบคอบเสียก่อน มิเช่นนั้นอาจจะมาเสียใจในภายหลัง