วิธีซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยวิธีง่ายๆ สะดวกสบายด้วยตนเอง
25 กุมภาพันธ์ 2565
ผู้ชม 204 ผู้ชม
ตู้แช่ทุกรุ่นทุกยี่ห้อบริการถึงบ้านไม่ยกกลับ ศูนย์ซ่อมเครื่องซักผ้า อันดับ1 บริการรับซ่อมถึงบ้าน ซ่อมด่วน ถึงบ้าน ทุกยี้ห้อ ฝาหน้า ฝาบน ถูกใจโดยช่างมืออาชีพ
ติดต่อสายด่วน
ั
วิธีซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยวิธีง่ายๆ สะดวกสบายด้วยตนเอง
ครื่องใช้ไฟฟ้าของใกล้ตัวที่ทุกบ้านต้องมีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน เช่น เตาอบ ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า ทีวี ตู้เย็น เตารีด และอื่นๆอีกมากมาย เพราะฉะนั้นการเสียของเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ก็อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและบางทีมันก็เสียเล็กๆน้อยๆจนไม่อยากไปส่งร้านซ่อมซึ่งก็เสียทั้งเวลาและเสียทั้งเงิน จึงอยากจะลองซ่อมเองบ้างจะได้ไม่ต้องเสียทั้งเงินและเวลา ลองมาดูวิธีการกันดีกว่าครับ
1. ตรวจสอบปลั๊กไฟอย่างสม่ำเสมอ การตรวจสอบปลั๊กไฟนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอว่ามีรอยไหม้รอยขาดหรือรอยที่เกิดจากการกัดแทะของสัตว์หรือไม่ เพราะอาจเป็นเหตุให้เกิดไฟช๊อตและลุกลามให้เกิดอัคคีภัยได้ในที่สุด
2. เช็คกระแสไฟ การเช็คกระแสไฟเป็นประจำนั้นอาจทำให้ท่านรู้ว่าไฟวิ่งเท่าไหร่สม่ำเสมอหรือไม่หรือมีกระแสไฟแปรปรวนและอาจเป็นเหตุให้เกิดการเสียเงินค่าไฟเกินเหตุความจำเป็นอีกด้วย
3. ดูฟิวและเบรกเกอร์ ฟิวส์และเบรกเกอร์นั้นควรเช็คบ้างเพราะหากเกิดการชำรุดมันอาจจะทำให้ท่านไม่มีไฟใช้นอกจากท่านจะมีฟิวส์และเบรกเกอร์สำรองมาทดแทนหรือเปลี่ยนนั้นเอง
4. เติมเชื้อเพลิงทุกครั้ง หากเครื่องใช้ไฟฟ้าของท่านจำเป็นจะต้องเติมเชื้อเพลิงแล้วละก็ควรหมั่นตรวจเช็คเพื่อท่านจะได้ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดเวลาเชื้อเพลิงหมด
5. ปลอดภัยไว้ก่อน หากตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วพบว่าทุกอย่างเป็นปกติแต่มันไม่ทำงานก็ต้องถึงเวลาที่ท่านจะต้องซ่อมกันแล้วล่ะครับ แต่ก่อนจะซ่อมเครื่องใช้อะไรก็แล้วแต่ควรตรวจสอบเรื่องไฟฟ้าว่ามีการตัดแล้วแน่นอนนะครับถึงจะเริ่มขั้นตอนการทำได้
6. ซื้ออะไหล่มาเปลี่ยน การซื้ออะไหล่สำรองมาเปลี่ยนก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญนะครับเพราะหากเวลามีสิ่งไหนในบ้านชำรุดไปก็จะได้นำมาเปลี่ยนทดแทนในทันที ยกตัวอย่างเช่นหลอดไฟฟ้านะครับ
โทรศัพท์เปียกน้ำ ปัญหาง่ายๆที่มีทางแก้ไข
เผลอแป๊บเดียวก็ถึงช่วงเวลาของประเพณีสงกรานต์กันอีกแล้วนะครับ หลายๆ คนคงตั้งตารอที่จะได้ไปหยุดพักผ่อน ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ในขณะที่หลายๆ คนอาจจะรอคอยการออกไปสาดน้ำคลายร้อนให้สนุกกันเต็มที่ แต่ก่อนที่จะออกไปเผชิญกับน้ำอันเย็นชื่นใจ วันนี้เราลองมาดูเทคนิคในการแก้ปัญหาเผื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์กันหน่อยดีกว่าครับ ใช่แล้วครับ เหตุการณ์ที่ว่าก็คือ “โทรศัพท์เปียกน้ำ”นั่นเอง
โทรศัพท์เปียกน้ำเป็นเหตุการณ์ที่สุดสยองสำหรับทุกคน และเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้มีวิธีแก้ที่สามารถจะรับรองได้ว่าโทรศัพท์จะกลับมาใช้งานได้เป็นปกติ 100% แต่ขั้นตอนต่อไปนี้เป็นทางออกเบื้องต้นที่”น่าจะ”พอช่วยได้บ้าง ลองมาดูกันครับ
1. อย่ากดปุ่มใดๆ ทั้งสิ้น! อย่าลืมว่าโทรศัพท์เรามีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ข้างในตัวเครื่อง และการกดปุ่มโดยมากมักจะเป็นการสั่งการให้วงจรภายในตัวเครื่องปล่อยกระแสไฟฟ้าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นการกดปุ่มใดๆ จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเครื่องมากขึ้นไปอีก
2. หากคุณมีผ้าแห้งๆ ติดตัวอยู่บ้าง ให้ซับโดยด่วน หากไม่มีจริงๆ อย่างน้อยๆ ก็ให้รีบบิดชายเสื้อของคุณให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วทำการซับน้ำบนตัวเครื่องให้แห้งที่สุด
3. เมื่อไม่เหลือหยดน้ำแล้ว ให้รีบถอดชิ้นส่วนที่ถอดได้ออกให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะแบตเตอรี่ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจจะทำให้ไฟฟ้าช็อตแผงวงจรข้างในได้ จากนั้นเพื่อความแน่ใจ อย่าลืมถอดซิมการ์ดและการ์ดความจำ (SD Card) ออกด้วยเช่นกัน
4. อย่าใช้เครื่องเป่าผมที่ปล่อยลมร้อนมาเป่าให้ตัวเครื่องแห้ง หรือเอาเครื่องไปตากกลางแดดจ้า เพราะความร้อนอาจจะทำให้แผงวงจรเสียหายได้ ถ้าจะใช้ลมเป่าควรเป็นลมอุณหภูมิห้อง หรือใช้พัดลมเป่าทิ้งไว้เบาๆ จนกระทั่งตัวเครื่องแห้งสนิท
5. เอาตัวเครื่องและแบตเตอรี่ไปแช่ในข้าวสารแห้งหรือถุงดูดความชื้นประมาณ 2 วัน โดยข้าวสารแห้งจะเป็นตัวช่วยดูดความชื้นที่ค้างอยู่ในตัวเครื่องออกให้อย่างหมดจด
6. เมื่อตัวเครื่องและชิ้นส่วนต่างๆ แห้งสนิทแล้ว ให้ทดลองประกอบตัวเครื่องและเปิดเครื่องเพื่อตรวจสอบดูว่าสามารถทำงานได้หรือไม่ หลายๆ คนมักจะทดลองกดปุ่มต่างๆ ดูด้วยว่าการทำงานปกติดีหรือไม่ ซึ่งถ้าคุณโชคดี ตัวเครื่องก็อาจจะใช้งานต่อได้อย่างไม่มีปัญหา
7. อย่างไรก็ดี หากตัวเครื่องมีอาการบางอย่างที่ไม่สมบูรณ์ เช่น ลำโพงไม่มีเสียง บางปุ่มกดไม่ได้ ฯลฯ คุณควรนำตัวเครื่องไปส่งให้ช่างที่เชี่ยวชาญที่ศูนย์บริการช่วยตรวจสอบและซ่อมให้ ซึ่งข้อนี้ต้องย้ำกับคุณผู้อ่านว่า กรณีเครื่องมีปัญหาจากการตกน้ำหรือมีน้ำเข้าไปในตัวเครื่องนั้นไม่อยู่ภายใต้การประกัน ดังนั้นหากมีค่าใช้จ่ายในการซ่อม คุณผู้อ่านต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้เอง
หวังว่าคุณผู้อ่านจะได้แนวทางดีๆ ไว้ใช้ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์นี้ขึ้นกันนะครับ อย่างไรแล้วเพื่อความปลอดภัย อย่าลืมหาซองกันน้ำมาใช้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์โทรศัพท์เปียกก็จะดีกว่านะครับ
