เทคนิคถ่ายวีดีโอง่ายๆ 10 ข้อที่ผู้ชมดูแล้วประทับใจ ปี2023
27 มีนาคม 2566
ผู้ชม 168 ผู้ชม
รับตัดต่อวีดีโอ รับผลิตวีดีโอ พรีเซนเทชั่น คลิปโปรโมทสินค้า แนะนำองค์กร ฯลฯ ด้วยทีมงานคุณภาพ Vdo presentation,วีดีโอพรีเซ็นเตชั่น ราคาพิเศษ คุณภาพสูง
รับทำ slide show ถ่ายทำ MV ตัดต่อ ภาพประกอบเพลง
รับถ่ายภาพงานแต่งงาน ถ่ายรูป pre wedding นอกสถานที่ ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง
รับงานถ่ายภาพ วีดีโอทางอากาศ
บริการจัดหาช่างภาพ
ช่างวีดีโอ รับถ่ายวีดีโอ
รับถ่ายภาพ งานแต่งงาน Wedding Cinema
หาช่างภาพหาช่างวีดีโอ
รับถ่ายวีดีโอ ถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ
ถ่ายภาพงานแต่งงาน
ช่างภาพ ช่างถ่ายรูปางภาพ
ผลงานวีดีโอถ่ายรูปแต่งงาน Pre wedding
ชมผลงานถ่ายวีดีโอโดรน
ผลงานรับตัดต่อวีดีโอ
รับทำ MV/หนังสั้น Short Film / โฆษณา ราคาพิเศษ
ผลิตวีดีโอทุกชนิด Tagged ช่างภาพวีดีโอ, ช่างวีดีโอ, ถ่ายmv ไม่แพง, ถ่ายโปรเจคส่งอาจารย์, รับถ่าย mvรับทำ MV หนังสั้น ตัดต่อวีดีโอ ราคาถูก คุณภาพสูง SoundhotFilm Studio รับถ่าย MV/หนังสั้น พร้อมแต่งพล็อตเรื่องให้ตามความยาวเพลงหรือหนังให้ฟรี
ชมผลงานเพิ่มเติมที่
เทคนิคถ่ายวีดีโอง่ายๆ 10 ข้อที่ผู้ชมดูแล้วประทับใจ
1. คิดและวางแผนก่อนถ่ายวีดีโอ
ก่อนที่เราจะถ่ายวีดีโอในเหตุการณ์หรืองานอะไรก็แล้วแต่ เราจะต้องคิดและวางแผนก่อนว่า เราต้องการที่
จะน าเสนออะไรในวีดีโอของเรา เช่น ผมไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดกับกลุ่มเพื่อนๆ ผมต้องการถ่ายวีดีโอที่เก็บ
บรรยากาศทั้งหมดว่าไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง มีกิจกรรมอะไรที่ท าบ้าง และบรรยากาศในขณะนั้นเป็นอย่างไร
บ้าง เราสามารถเขียนออกเป็นรายละเอียดได้ดังนี้
– ป้ายสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และสภาพแวดล้อม เพื่อจะได้รู้ว่าไปเที่ยวที่ไหนกัน และเป็นอย่างไรบ้าง
– บรรยากาศในขณะนั้น เช่น อาจจะถ่ายวีดีโอ candid เพื่อนๆ
– มีกิจกรรมอะไรที่ท าบ้าง เช่น แวะซื้อของ เดินป่า เล่นน้ าตก
เมื่อเราแยกย่อยลงไปในแต่ละช็อต เราก็ต้องคิดอีกทีครับว่า เราจะจัดวาง composition ในการถ่ายวีดีโอ
เป็นอย่างไร ให้ตรงกับความต้องการของเรา เช่น ในขณะที่ก าลังนั่งเรือ เราอยากจะให้เห็นบรรยากาศ
เพื่อนๆในขณะนั่งเรือพร้อมกับวิวทิวทัศน์
2. โฟกัสจุดที่เราสนใจในการถ่ายวีดีโอ
ก่อนที่เราจะกดบันทึกวีดีโอ เราจะต้องรู้ตัวเองดีว่า ในช็อตนี้เราต้องการที่จะถ่ายอะไร เราจะต้องถ่ายให้
ส าเร็จก่อนที่จะไปถ่ายสิ่งอื่นๆ เช่น ในขณะที่เราก าลังถ่ายเพื่อนของเราในงานรับปริญญาอยู่ เพื่อนของเรา
ก าลังยืนถ่ายรูปกับเพื่อนๆอยู่ ขณะที่เราก าลังถ่ายวีดีโออยู่ มีผู้หญิงสวยคนหนึ่งเดินผ่านเราไป เราจะต้อง
ถ่ายวีดีโอเพื่อนเราให้เสร็จก่อนที่จะหันกล้องไปถ่ายผู้หญิงสวยคนนั้น (ถ้าเดินไปไกลแล้วก็ถือว่าไม่ได้เป็น
เนื้อคู่กัน ^ ^ )
จุดประสงค์หลักในข้อนี้ คือ ต้องการให้เรามีสมาธิในการถ่าย เพราะจะท าให้การจัดวาง composition มี
ความแน่นอน และกล้องก็จะไม่สั่นด้วย
3. ความยาวของวีดีโอในแต่ละช็อต
ธรรมชาติของคนเราเมื่อดูสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตาของคนเราจะจดจ้องกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่นิ่งๆได้ไม่นาน เช่น เราดู
วีดีโอการบรรยายของวิทยากร ถ้าการถ่ายวีดีโอมีเพียงการถ่ายเฉพาะวิทยากรที่ก าลังนั่งบรรยายอยู่
(uncut video) เราดูได้ซักพักก็จะรู้สึกเบื่อ ง่วงนอน นั่นคือธรรมชาติของคนครับ
เราไม่ควรจะตัดต่อวีดีโอในแต่ละช็อตให้ยาวนานเกินไป ควรจะตัดต่อวีดีโอจากการถ่ายวีดีโอหลายๆมุม
เช่น normal view + bird eyes view + worm view และใช้รูปแบบการถ่ายหลายๆรูปแบบ เช่น wide
shot + medium shot + close up ผสมผสานกันไป เวลาตัดต่อวีดีโอก็ตัดสลับไปมาระหว่างช็อตต่างๆ
เช่น ในขณะที่วิทยากรก าลังบรรยาย เราก็อาจเอาบรรยากาศคนก าลังนั่งฟังเข้ามาแทรก ( cutting shots)
เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจของคนดู
นอกจากนี้แล้ว พวก cutting shots ยังสามารถใช้สื่อความหมายของเหตุการ์ที่จะเกิดขึ้นได้ เช่น ช็อตแรก
เป็นหนูก าลังมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ ท าให้ไม่กล้าลงไป ตัดมาช็อตที่สองเป็นรูปงู เป็นการสื่อความหมายว่าที่หนู
ไม่กล้าลงไปเพราะมีงูอยู่ด้านล่างนั่นเอง
4. ใบหน้าถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีที่สุด
ถ้าเราต้องการจะสื่อสารถึงอารมณ์ของตัวละครในฉาก สิ่งที่ส าคัญที่สุดก็คือ ดวงตา เพราะดวงตาเน
หน้าต่างของหัวใจ ปกติการถ่ายวีดีโออาจจะเริ่มที่ wide shot เพื่อให้เห็นบรรยากาศโดยรวมในขณะนั้น
ฉากต่อมาอาจจะเป็น medium shot ระหว่างคนสองคนก าลังคุยกัน แต่พอเมื่อถึงจังหวะที่ต้องการจะ
สื่อสารถึงอารมณ์ในตัวละคร เช่น ก าลังมีความสุข เศร้า หรือก าลังคิดวางแผนอะไรอยู่ เราจะต้องถ่ายวีดีโอ
แบบ close up เพื่อให้เห็นดวงตาที่ชัดเจนของผู้พูด
5. ซูมด้วยเท้าก่อนเป็นอันดับแรก
ยิ่งมีการใช้การซูมมากเท่าใด กล้องวีดีโอก็จะยิ่งมีความสั่นมากขึ้นเท่านั้น เป็นผลให้วีดีโอของเราไม่สามารถ
ดูได้ เคยมีคนเคยค านวณเอาไว้ว่า ถ้าเราซูมเข้าไป 10 เท่า การสั่นของกล้องวีดีโอก็จะเกิดขึ้น 10 เท่า
อันดับแรกที่จะแนะน า คือ ใช้วิธีการเดินเข้าไปหาวัตถุแล้วถ่ายวีดีโอ โดยปรับค่าการซูมเป็นแบบกว้างที่สุด
วิธีนี้ถึงแม้ว่ามือของเราจะสั่นเล็กน้อยในขณะท าการถ่าย แต่เนื่องจากกล้องวีดีโอมีระบบ image
stabilization อยู่ จะท าให้มองไม่เห็นการสั่นเล็กน้อยเหล่านี้
ถ้าเราไม่สามารถเดินเข้าไปถ่ายวัตถุใกล้ๆได้ เช่น ถ่ายวีดีโอสัตว์ที่อยู่ในกรง ให้เราใช้ขาตั้งกล้องวีดีโอช่วย
โดยเราต้องเลือกขาตั้งกล้องให้เหมาะกับกล้องวีดีโอของเราด้วย
กล้องวีดีโอจะมีระบบการซูม 2 แบบ คือ Optical zoom and Digital zoom ให้เราปิดการท างานแบบ
Digital zoom เพราะว่ามันเป็นการขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งส่งผลให้คุณภาพที่ได้จากวีดีโอลดน้อยลง
การซูมยังมีผลต่อระบบโฟกัสอีกด้วย โดยเฉพาะระบบ auto focus เมื่อเราท าการซูมไปที่วัตถุหนึ่ง เมื่อ
วัตถุนั้นมีการเคลื่อนที่ กล้องวีดีโออาจจะเกิดการเบลอเป็นช่วงๆ เนื่องมาจากการซูมจะท าให้มีโอกาสหลุด
โฟกัสสูง
6. Move – Point – Shoot – Stop
หลักการถ่ายวีดีโอง่ายๆมีอยู่ 5 ข้อครับ คือ
– Move เคลื่อนที่ไปยังต าแหน่งที่เราคิดว่า จะได้ช็อตที่ตรงกับความต้องการของเรา เช่น ถ้าเราต้องการ
ถ่ายวีดีโอคู่บ่าวสาวเดินเข้ามาในงาน ให้ดูแล้วได้อารมณ์แบบยิ่งใหญ่ เราก็ต้องไปอยู่ในต าแหน่งด้านหน้าคู่
บ่าวสาว แล้วย่อตัวลงถ่ายวีดีโอในมุม worm view
– Point หลังจากได้ต าแหน่งแล้ว ให้เราท าการจัด composition ของเราให้เรียบร้อยก่อนที่จะถ่าย ในบาง
ช่วงเวลาเราจะต้องท าอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นช็อตที่ต่อเนื่องกันมา ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในการ
ถ่ายวีดีโอของเราเอง เช่น จากตัวอย่างด้านบน ถ้าเราจัด composition ได้ช้า เราก็จะได้ช็อตที่คู่บ่าวสาวก็
จะเดินมาถึงเราสั้นๆ ท าให้การตัดต่อวีดีโออาจจะไม่ค่อยสวยงามเท่าไร
– Shoot หลังจากจัด composition แล้ว เราก็จะเริ่มถ่ายวีดีโอ โดยส่วนมากแล้วเราจะตั้งกล้องแบบนิ่งๆ
วัตถุที่เคลื่อนที่เข้ามาจะเป็นจุดสนใจของผู้ชม หรือบางกรณีเราอาจจะเคลื่อนที่กล้องไปตามวัตถุ เพื่อที่จะ
สื่อสารถึงอารมณ์ในอีกรูปแบบหนึ่ง ข้อแนะน าอย่างหนึ่งในการถ่าย คือ ไม่ควรใช้การซูมเข้าซูมออกในขณะ
ถ่าย เพราะจะท าให้คนดูสับสนว่า จุดสนใจในช็อตนั้นมันคืออะไร
– Stop หลังจากที่เราถ่ายได้ช็อตที่เราต้องการแล้ว เราก็จะต้องเคลื่อนที่ไปหาต าแหน่งใหม่อีก เพื่อที่จะไป
ถ่ายช็อตที่เราต้องการต่อไป ท าอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ
7. พยายามให้แสงอยู่ด้านหลังเรา
เดี๋ยวนี้กล้องวีดีโอสมัยใหม่จะมีโหมดการปรับแสงอัตโนมัติ ถ้ามีแสงสว่างมากเกินไปก็จะมีการเปิดรูรับแสง
ให้เล็กลง ในทางตรงกันข้ามถ้ามีแสงไม่เพียงพอ ก็จะมีการเปิดรูรับแสงให้กว้างขึ้น
ระบบกล้องวีดีโอจะเกิดการสับสนถ้าในช็อตเดียวกันมีสภาพแสงที่แตกต่างกันมาก เช่น การถ่ายวีดีโอหมู่
นอกอาคาร บางคนที่โดนแดดก็จะสว่างมาก คนไหนที่ไม่โดนแดดก็จะดูมืดเกินไป วิธีเบื้องต้นในการแก้ไข
คือ เปลี่ยนต าแหน่งในการถ่าย หรือถ้าไม่สามารถย้ายต าแหน่งได้จริงๆ เราอาจจะใช้วิธีหาอะไรบังคนที่โดน
แดด และมีข้อแนะน าอีกอย่างหนึ่ง คือ เวลาถ่ายวีดีโอ เราควรจะให้แสงอยู่ทางด้านหลังของเรา เพื่อส่องไป
ยังวัตถุที่อยู่ด้านหน้าของเรา เช่น การถารถ่ายวีดีโอในอาคาร เราไม่ควรจะให้วัตถุอยู่บริเวณริมหน้าต่าง
เพราะแสงอาทิตย์จะส่องมาทางด้านหลัง ท าให้เป็นการถ่ายย้อนแสง ผลที่ได้ คือ วัตถุจะมีลักษณะเป็นภาพ
Silhouette เงาด ามืด
การถ่ายวีดีโอในสถานที่ที่มีแสงไม่เพียงพอ การปรับรูรับแสงให้ใหญ่ขึ้น เพื่อที่จะท าให้ภาพสว่างขึ้น แต่ผลที่
ได้เพิ่มเติมก็คือ ภาพจะแตกเป้นเม็ดๆ และสีในภาพของเราจะซีด ไม่สดเหมือนกับธรรมชาติทั่วๆไป
8. อย่าใช้ effect ใดๆในกล้องวีดีโอ
เวลาเราถ่ายวีดีโออะไรก็ตาม เราไม่ควรจะใช้ฟังก์ชั่น effect ต่างๆที่กล้องวีดีโอมีให้ เช่น night vision,
posterizing, sepia หรืออื่นๆ เพราะว่าเมื่อเราใช้แล้ว เราไม่สามารถที่จะแก้ไขวีดีโออันนั้นให้กลับมาเป็น
ปกติได้อีก เราควรจะถ่ายวีดีโอแบบปกติธรรมดา เมื่อเราได้ footage นั้นมาแล้ว ค่อยน าไปปรับแต่งแก้ไข
ในโปรแกรมตัดต่อวีดีโออีกที วิธีการนี้จะช่วยท าให้เราสามารถใช้วีดีโอได้ในหลากหลายสถานการณ์
9. ชนิดของงานแปรผันกับความยาวของวีดีโอทั้งหมด
ในหัวข้อนี้จะพูดถึงเรื่องความยาวของวีดีโอทั้งหมดหลังจากตัดต่อเสร็จแล้ว เราจะต้องคิดและวางแผนตั้งแต่
ตอนแรกแล้วว่า เราถ่ายวีดีโอเพื่อที่จะไปน าเสนออะไร เช่น ถ้าเราถ่ายวีดีโอเพื่อท า wedding
presentation ให้กับคู่บ่าวสาว วีดีโอของเราควรจะมีความยาวไม่เกิน 10 นาที เราก็จะต้องคิดว่าในแต่ละ
ฉาก ควรจะมีความยาวประมาณเท่าไร ฉากสัมภาษณ์ไม่ควรเกิน 2 นาที ฉากริมทะเลประมาณ 3 นาที
ประมาณนี้ ถ้าเราท าวีดีโอที่มีความยาวมากเกินไป นอกจากจะท าให้น่าเบื่อแล้ว ยังเป็นการสิ้นเปลือง
งบประมาณโดยไม่จ าเป็นอีกด้วย
10. ไมโครโฟนภายนอกเป็นสิ่งจ าเป็น
ปัญหาที่พบกันบ่อยๆในการถ่ายวีดีโอ คือ เรื่องเสียง เพราะว่าส่วนมากแล้วเราจะใช้ไมโครโฟนที่ติดมากับ
ตัวกล้องถ่ายวีดีโอ ผลที่ได้ก็คือ ทั้งเสียงรถ เสียงคนคุยกัน เสียงเด็กร้องไห้ จะมารวมอยู่ในวีดีโอของเรา
หมด เพราะว่าไมโครโฟนที่ติดอยู่กับตัวกล้องมีลักษณะ คือ รับเสียงจากทุกทิศทางเข้ามาในตัวกล้อง
วิธีแก้ไขง่ายๆคือ เราต้องเอากล้องวีดีโอไปใกล้แหล่งก าเนิดเสียงให้มากที่สุด ซึ่งจริงๆแล้ววิธีนี้ อาจใช้ไม่ได้
ในบางกรณี เช่น ผู้พูดอยู่บนเวที เราจึงต้องใช้ไมโครโฟนภายนอก ( External Microphone) ช่วยในการ
บันทึกเสียง เราอาจจะใช้วิธีต่อสายไมโครโฟนเข้ากับกล้องเพื่อบันทึกเสียงโดยตรง หรืออาจจะใช้วิธี
บันทึกเสียงแยกต่างหาก แล้วใช้โปรแกรมตัดต่อวีดีโอน าเสียงนั้นมา Sync กับวีดีโออีกที