ย้ายของจากบ้านเข้าคอนโด เลือกบริษัทขนย้ายบ้าน ขนย้ายคอนโดไหนดี ปี 2023
20 มีนาคม 2566
ผู้ชม 170 ผู้ชม
ย้ายของจากบ้านเข้าคอนโด เลือกบริษัทขนย้ายบ้าน ขนย้ายคอนโดไหนดี?
ย้ายของจากบ้านเข้าคอนโด ต้องทำใจ !!!ทำไมถึงบอกว่าย้ายของจากบ้านเข้าคอนโดถึงต้องทำใจ กรณีสำหรับใครที่ต้องขนของจากบ้านเดิมมาด้วยก็เรียกได้ว่า งานช้าง ซึ่งในรายละเอียดนี้ก็ต้องคำนึงในหลาย ๆ จุดอยู่ สิ่งที่แรกเลยคือ เราจะขนอะไรไปบ้าง เพราะว่าคอนโดจะมีเนื้อที่ที่น้อยกว่าตัวบ้านอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็จะหมายความว่าเราจะมีเนื้อที่การจัดเก็บสิ่งของต่าง ๆ ที่น้อยลงไปด้วย สิ่งของบางอย่างที่เราอาจจะรู้สึกผูกพันกับมัน เราอาจจะต้องตัดใจทิ้งไปเลยก็ได้ เดี๋ยวเล่าจากประสบการณ์ตรงเลยก็ได้ครับ คือเราเองมีความจำเป็นต้องย้ายของออกจากบ้านเข้าคอนโดของตัวเอง เราเองก็ต้องทิ้งของไปมากมายเหมือนกัน เห็นได้ชัดเลยคือของเล่นเก่า ๆ รวมไปถึงเสื้อผ้าที่ชอบอีกบางส่วน ซึ่งเอาตรง ๆ ก็ยอมรับเลยว่าเราเป็นคนที่มีความรู้สึกผูกพันกับสิ่งของที่ตัวเองเคยใช้มากในระดับนึงเลย ดังนั้น การที่เราจะต้องย้ายที่อยู่ เราจะต้องเตรียมใจไว้ก่อนเลยครับว่าต้องมีของโดนทิ้งแน่ ๆ
เรามาเตรียมตัวย้ายของเข้าคอนโดกันดีกว่าในการเตรียมตัวย้ายของเข้าคอนโดนั้น เราจะต้องเตรียมอุปกรณ์สำคัญหลากหลายชนิดเลย ซึ่งอุปกรณ์หลัก ๆ ที่จำเป็นต่อการย้ายของก็จะมีดังต่อไปนี้ครับ
1. จัดแยกเป็นหมวดหมู่ด้วยกล่อง
กล่องเก็บของ เรียกได้เป็นสิ่งจำเป็นอันดับต้น ๆ เลยแหละครับ สำหรับการจัดของสำหรับการขนย้าย เพราะการจัดเก็บของใส่กล่องจะทำให้ของที่จัดมีความเป็นหมวดหมู่มากขึ้น แถมยังสะดวกต่อการยกหรือขนย้ายอีกด้วย ง่าย ๆ ก็คือการมีกล่อง จะทำให้ง่ายต่อการจัดเก็บและการขนย้ายนั่นเอง ซึ่งถ้าถามว่าเวลาเราจะจัดของเพื่อย้ายบ้าน เราจะหากล่องได้จากไหนบ้างที่แบบไม่ต้องหาซื้อ อย่างกล่องกระดาษลูกฟูกสำหรับใส่สินค้าที่เป็นกล่องกระดาษที่ใช้ส่งของได้ง่ายมีหลายขนาด ที่อันนี้เป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่อยากจะแชร์ให้ทราบกันเลย โดยเวลาเราไปซื้อของจาก Supermarket ให้เราขอกล่องกระดาษสำหรับใส่สินค้าต่าง ๆ ที่พนักงานไม่ใช้แล้วมาได้เลย ซึ่งนอกจากว่าเราจะมีกล่องกระดาษสำหรับใส่ของย้ายแล้ว เรายังสามารถนำกล่องกระดาษที่เราขอมานั้น มาใช้ในการเก็บของต่าง ๆ ภายในห้องได้อีกด้วย อีกทั้งช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกได้อีกด้วยครับ
2. เชือก
เชือกจะมีความจำเป็นอย่างมาก สำหรับการแพ็คของต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้กล่องหรือใส่กล่องไม่ได้ และต้องการความแน่นหนาในการขนย้ายมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น ชุดราวตากผ้าต่าง ๆ ที่เราอาจจะทิ้งกล่องไปแล้วก็ได้ โดยเราอาจจะมัดสิ่งของนั้น ๆ ให้เป็นชุด ๆ ไป โดยเชือกที่เราเลือกใช้ สามารถเลือกเป็นเชือกเส้นเล็ก ๆ ที่ใช้งานได้ง่าย ๆ อย่างเช่นเชือกฟาง หรือเชือกไนลอนก็ได้เช่นกัน
3. ถุงมือผ้า
เราเชื่อว่าเวลาเราอยู่บ้าน เราคงไม่ได้ทำความสะอาดสิ่งของทุกสิ่งภายในบ้าน และแน่นอนต้องมีฝุ่นจับกันบ้างในบางชิ้นบางส่วน การส่วมใส่ถุงมือจะช่วยป้องกันสิ่งสกปรก แต่ขอแนะนำการใส่ถุงมือนั้นจะต้องเน้นย้ำกันให้ชัดเลยครับว่าต้องเป็นถุงมือผ้าเท่านั้นนะ หากเราใส่ถุงมือยางแล้วไปหยิบจับสิ่งของที่มีคมจะทำให้บาดมือเราได้ (เราเคยโดนมาแล้ว) อีกทั้งการใช้ถุงมือผ้ายังระบายความร้อนของมือ และหยิบจับได้ง่ายกว่า มีความ Safety ระดับหนึ่ง ไม่เชื่อลองดู
4. หน้ากากอนามัย
เราคิดว่าหน้ากากอนามัยน่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้ามไป ด้วยเหตุผลที่ว่า ก็แค่ในบ้านของเราเอง เราไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยก็ได้ ก็เพราะเราอยู่อาศัยทุกวัน ไม่ได้สกปรกอะไร มีหลายคนที่คิดแบบนี้ (จริง ๆ แล้วเราก็ด้วย) แต่ตามเหตุผลเดียวกับข้อที่แล้วเลยครับ ว่าในบางครั้งการหยิบจับอะไร จะทำให้ฝุ่นฟุ้งได้ ดังนั้น ให้เราสวมหน้ากากอนามัย เพื่อการป้องกันฝุ่นละอองจากการหยิบจับและขนย้ายต่าง ๆ และแนะนำเลยว่าควรใช้เป็นหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เพราะถ้าเราใช้หน้ากากผ้าในการป้องกันฝุ่นจากการขนย้ายแล้วนี่รับรองได้เลย ได้ซักหน้ากากจนเหนื่อยแน่ ๆ
5. อุปกรณ์เครื่องมือช่างต่าง ๆ
อุปกรณ์เครื่องมือช่างต่าง ๆ ก็จำเป็นเหมือนกันนะ เช่น กรรไกร ไขควง ค้อน คัตเตอร์ เทปกาวต่าง ๆ เพราะในบางครั้งเราจะต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในการโยกย้าย สำหรับบางชิ้นที่อยากจะถอดประกอบ ทำให้ชิ้นเล็กลงขนง่ายหน่อย สามารถขนลงในรถเราได้ หรือขนย้ายง่ายนั้นเอง นำติดตัวไปยังคอนโดใหม่ของเราได้ รวมทั้งกรรไกร คัตเตอร์ต่าง ๆ ก็จำเป็นมาก ในการนำมาตัดทั้งเทปกาวสำหรับแปะปิดหน้ากล่อง รวมทั้งเชือกในการมัดสิ่งต่าง ๆ ด้วย และที่สำคัญ อย่าลืมพกปากกาเอาไว้ด้วยล่ะครับ เพื่อที่เราจะได้เอามาใช้เขียนที่หน้ากล่องได้ ว่าสิ่งที่เราใส่ลงไปนั้น คืออะไรนั่นเอง
แยกให้ชัด อะไรย้าย อะไรขาย อะไรบริจาค
ในการเป็นเด็กเจน Y ส่วนใหญ่ (ก็คือวัยประมาณผู้เขียนนั่นแหละ) มักจะเป็นคนที่โตมากับการอยู่บ้านเป็นหลัก และไม่คิดว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องย้ายออกจากบ้านเพื่อไปใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป ซึ่งในยุคที่เราโตมานั้น ถือว่าเป็นยุคก่อนที่จะมีอินเตอร์เน็ต ง่าย ๆ ก็คือไม่มีอะไรให้เล่นนอกจากของเล่นนี่แหละ ทำให้ในบางครั้ง ของที่เรามีนั้น จะมีเต็มไปหมด ทั้งของเล่นเก่า หนังสือเรียนที่เคยใช้เรียน เสื้อผ้าหรือชุดนักเรียนเก่า ๆ ที่อาจจะเก็บไว้เป็นความทรงจำ ซึ่งรวม ๆ กันแล้ว...เราว่าก็เยอะเหมือนกันนะ แล้วเมื่อการย้ายของทั้งหมดไปกับตัวเรานั้น ไม่ใช่คำตอบที่ดี เราก็จำเป็นต้องทิ้งสิ่งของเหล่านั้นออกไปบ้าง แต่การทิ้งเปล่า ๆ ไปเลย มันก็ไม่น่าใช่คำตอบที่ดีสักเท่าไหร่หรอก เสียดายของจะตายไป คือเราคิดเสมอว่า อะไรที่สามารถสร้างประโยชน์ต่อได้อีก ก็ให้มันได้สร้างประโยชน์ต่อไป จะดีที่สุด ดังนั้น จากประสบการณ์ตรงของเรา สิ่งที่เราจะทิ้ง มักจะไปจบที่การขายหรือนำไปบริจาคต่อ โดยเทคนิคการคัดแยกของทิ้ง ของขาย และบริจาค เราจะขอยกตัวอย่าง ดังนี้
1. คัดเลือกของที่จะย้ายก่อน
หัวใจสำคัญเลยก็คือขั้นตอนการเลือกของต่าง ๆ ที่จะนำติดตัวไปด้วย ซึ่งเทคนิคการคัดเลือกสิ่งของเหล่านั้น สามารถทำได้ง่าย ๆ แต่ขอให้แยกทำทีละหมวดหมู่ไปเลย ซึ่งจะง่ายต่อการคัดแยกสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น เช่น จะคัดแยกเสื้อผ้า ก็นำเสื้อผ้าทั้งหมดออกมากองไว้ แล้วคัดแยกให้เสร็จไปทีเดียวเลย แล้วค่อยไปคัดแยกสิ่งของในหมวดอื่น ๆ ต่อ และเมื่อเราคัดแยกเสร็จแล้ว เราก็จะได้กองที่จะนำติดตัวไปด้วย กับกองที่จะนำไปทิ้งหรือขายนั้นเอง โดยในส่วนของสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่ได้ติดตัวเราไปด้วย จะมีเทคนิคการคัดแยกอีก ในข้อต่อ ๆ ไปครับ
2. ของที่นำไปขายได้
ของบางชิ้นก็เป็นสิ่งของที่มีค่า ที่เราสามารถนำไปขายต่อได้ เช่น ของเล่นเก่า ที่ในอดีตอาจจะเป็นแค่ของเล่นธรรมดา ๆ แต่ในปัจจุบันอาจจะกลายเป็นของสะสมที่มีค่า ที่หลายคนอาจจะตามหาอยู่ก็ได้ หรือแม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่เราอาจจะได้มากจากการจับฉลากปีใหม่แล้วไม่ได้นำออกมาใช้ อย่างเช่น แก้วน้ำ เป็นต้น โดยสำหรับของที่เราจะนำไปขายต่อได้นั้น ให้เราค่อย ๆ พิจารณาถึงคุณค่าก่อน ว่าเราอยากจะเก็บไว้หรือไม่ ที่อยู่ใหม่เรามีที่เก็บหรือเปล่า แล้วค่อยคิดอีกทีว่าขายได้หรือไม่ ซึ่งถ้าขายได้ก็ขายเลย ไม่ต้องลังเลครับ
3. ของที่นำไปบริจาคต่อได้
ของบางอย่างก็สามารถนำไปใช้ต่อได้ แต่ก็ไม่สามารถนำไปขายได้เช่นกัน เพราะมันจะไม่ได้มูลค่าใด ๆ (หรืออาจจะได้ไม่มาก) สำหรับของที่จัดอยู่ในประเภทนี้ ให้เรานำไปบริจาคต่อก็ได้ เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการต่อไป โดยสิ่งที่เราสามารถนำไปบริจาคได้นั้นมีมากมาย แต่ที่เห็นแบบง่าย ๆ และโตมากับเรา ๆ ทุกคนเลยก็คือหนังสือเรียน ที่เราอาจจะนำไปบริจาคห้องสมุดเพื่อให้เป็นสาธารณะประโยชน์ในด้านการศึกษาต่อไปได้ หรือแม้แต่ชุดนักเรียนเก่าก็เช่นกัน เราอาจจะนำไปเลาะชื่อที่เคยปักไว้บนเสื้อ แล้วนำไปบริจาคแก่ผู้ยากไร้ต่อไปก็ได้ครับ
4. ดูของที่จะทิ้งอีกทีให้แน่ใจ
เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเหมือนกับเราแน่ ๆ ที่เวลาจัดบ้านหรือจัดของสักครั้งหนึ่ง จะต้องเจอทั้งบิลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมไปถึงใบเสร็จจากการซื้อของต่าง ๆ ด้วย ซึ่งของพวกนี้ บางทีเราก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องใช้อะไรอีก ดังนั้น ในกระบวนการการย้ายของ หากว่าเราพบเจอสิ่งที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก หรือของใช้ต่าง ๆ ที่แตกหักหรือเสียหายและซ่อมไม่ได้แล้ว ก็ให้ตัดใจทิ้งไปได้เลยครับ
คัดแยกสิ่งของเสร็จแล้ว ได้เวลาย้ายของเข้าคอนโด
ในการจะขนย้ายของเพื่อเข้าคอนโดนั้นจะทำได้ อันดับแรกเลยต้องมีรถ ใช่ครับ ต้องเป็นรถสำหรับการขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ด้วย อย่างน้อยก็ต้องรถกระบะแล้วแหละครับ เพราะถ้าเป็นรถเก๋งธรรมดา มันก็คงจะไม่ตอบโจทย์สักเท่าไหร่หรอกเนอะ นอกจากจะขนของได้น้อยแล้ว ยังขนของบางอย่างที่เป็นชิ้นใหญ่ ๆ อย่างตู้หรือเตียงก็ไม่ได้อีก (ต่อให้ถอดประกอบแล้วก็ตาม) ซึ่งใครมีรถสำหรับการขนย้ายนั่นก็ดีไปครับ